โปสเตอร์หนัง (ของนอก) |
ช่วงค่ำกลางเดือนเมษายน ช่างร้อนตับแลบสมกับเป็นหน้าร้อนแห่งไทยแลนด์แดนสยามจริงๆ ได้มีโอกาสดูหนังเก่าเรื่องหนึ่ง (ตั้งใจว่าจะดูนานแล้ว แต่โอกาสไม่อำนวย) เอาหนังฝรั่งกะหนังไทยเขียนลง Blog แล้ว งวดนี้ขอหยิบหนังจีนมาบ่นบ้าง ได้แก่เรื่อง Mr. and Mrs. Incredible หรือชื่อไทยว่า ฮ้อ แรง???? (ใครตั้งชื่อไทยเนี่ย อยากรู้จักจริงๆ)
ก่อนอื่นต้องออกตัวตามธรรมเนียม ผมไม่ใช่นักวิจารณ์ ไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับการทำภาพยนต์ แสงสีเสียงไม่รู้ รู้แต่ว่าหนังเรื่องนี้"สนุก"หรือ"ไม่สนุก" สำหรับผมเืท่านั้นเอง
เช่นเคยครับ มีการเปิดเผยเนื้อหาแบบเต็มๆ ไม่มียั้ง (หรือเรียกเท่ๆว่าสปอยสุดๆนั่นเอง) ถ้าหากยังไม่ได้ชม ไม่อยากรู้เรื่องราว ขอให้ข้ามไปได้เลย แต่ถ้าอยากรู้อยากเห็น เชิญติดตามต่อได้ ณ.บัดนาว
หนังเรื่องนี้จั่วหัวไว้เลยว่าเป็นแนว Action & Comedy เป็นเรื่องราวของซุปเปอร์ฮีโร่ของจีนสองคน ที่รักกัน แต่งงานกัน โดยมีความหวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สงบสุข แบบสามัญชนคนเดินดินกินข้าวแกงอะไรประมาณนี้
เรื่องนี้ได้ "พันธมิตร" มาเป็นทีมพากย์เสียงภาษาไทย ซึ่งทีมนี้ฝีไม้่ลายมือเป็นที่ประจักษ์กันดีอยู่แล้ว ในความคิดผมคิดว่าทำให้หนังเรื่องนี้เป็น "Comedy" ได้มากขึ้น (ทั้งๆที่บางทีขำโดยไม่เกี่ยวกับเรื่องเลย)
เฮียฮวน พระเอก แสดงโดย กู่เทียนเล่อ (ดูในไตเติ้ล) |
ฉากแรกจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังพิเศษของเฮียฮวนของเรา อาทิเช่น ตาปล่อยแสงได้ มีกำลังมหาศาลอะไรกำเืทือกนี้ เขาแสดงพลังโดยที่ลูกน้องและชาวบ้านไม่ทราบเลยว่าลูกพี่ของพวกเขามีพลังวิเศษเป็น Super Hero แต่ในทางตรงกันข้าม ฉากนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเฮียฮวนมีอายุอานามไม่ใช่น้อย โดยสื่อถึงอาการสายตายาว (สิ่งชี้บ่งมาตรฐาน)
เจ๊ฮวนนางเอก แสดงโดย อู๋จินหยู (เพิ่งรู้จักชื่อนะเนี่ย) |
มางวดนี้ก็เป็นการเปิดตัวอิทธิฤทธิ์ของเจ๊ฮวนบ้าง ชีแกเปิดตัวโดยการตบ "ปีเตอร์" กาจั๊วะน้อยด้วยพลังอันมหาศาล ผลลัพท์ กาจั๊วะแบน โดยที่โต๊ะไม่พัง !? ไม่เชื่อดูรูป
พลังฝ่ามือทลายกาจั๊วะ |
จากช่วงนี้จะสื่อให้เห็นว่าทั้งสองผัวเมียคู่นี้พยายามที่จะใช้ชีวิตปรกติสามัญชนโดยปกปิดพลังวิเศษของตัวเอง นอกจากนี้แล้วยังสื่อให้เห็นถึงความฝันทั่วๆไปของคนเดินดินในการสร้างครอบครัว อย่างแรกเลยก็คือการซื้อบ้าน Home Sweet Home
จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังย้อนยุค แต่วิถีชีวิตมันกลับกลายเป็นการใช้ชีวิตในสมัยปัจจุบันเป็นอย่างมาก ต้องเก็บหอมรอมริบสร้างอนาคตร่วมกันของคนสองคน การใช้ชีวิตคู่ร่วมกันถึงแม้ออกแนวโชว์พาวอยู่บ้างก็ตาม เมื่อดูถึงตอนนี้ผมก็มีความคิดว่าทำไมจะต้องทำเป็นหนังย้อนยุคด้วยออกแนวพีเรียต ในเมื่อสามารถใช้เรื่องราวในยุคปัจจุบันในการดำเนินเรื่องก็ได้
แต่เท่าที่ดูจนจบก็ทำให้ผมคิดได้ว่าจริงๆแ้ล้วพลอตเรื่องแบบนี้ก็มีคนทำมาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนอนิเมชั่น Mr.Incredible หรือแม้แต่ Mr.&Mrs. Smith ถึงเรื่องหลังจะไม่ถึงขั้นเป็น Super Hero แต่ก็เป็นคู่ที่เก่งกาจเหนือใคร ดังนั้นการทำเป็นหนังแนวย้อนยุคโดยมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีน ก็เป็นส่วนช่วยให้เรื่องนี้มีความแตกต่างกับสองเรื่องข้างต้นอยู่พอสมควร (เอ๊ะ บอกว่าไม่ใช่นักวิจารณ์หนังไง)
ตัดมาเป็นการออกซื้อบ้านของทั้งสองคน ก็ยิ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตในยุคปัจจุบันยิ่งขึ้น อยากได้บ้านริมทะเลสาป ทำเลดี แต่ราคาต้องถูก 55555 แล้วยังมีนายหน้า (หรือพนักงานขายบ้านหว่า) เข้ามาทำหน้าที่อีกด้วย หนังในช่วงประมาณ 15 นาทีแรก จะสะท้อนถึงการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย บ้านๆ และเปิดตัวพลังวิเศษ (บางส่วน ย้ำว่าบางส่วน) ของทั้งสองคน เหมือนกับเป็นการปูเรื่องให้คนดู
บ้านหรูริมทะเลสาป ทำเลดี ในราคาแสนถูกของคู่พระนาง |
จอมยุทธเพลิง ที่เหมือนอินทรีแดง+แบทแมน |
จอมยุทธหอมคอสตูมสีแสบตา |
เมื่อมีพระเอกนางเอกแล้วย่อมต้องมีแฟนคลับ (เหมือนพวก AF กะพวก The Stars เปี๊ยบ) ออกมาโหวต เอ้ย หนุนคนที่ตัวเองชอบ โดยส่วนมากผู้ชายจะหนุนจอมยุทธเพลิง ส่วนผู้หญิงจะหนุนปวีณา เอ้ย จอมยุทธหอม แล้วก็เหมือนปัจจุบันเปี๊ยบเลย คือทั้งสองคนต้องมาประลองชิงความยิ่งใหญ่ในเวทีเดอะสตาร์เพราะแฟนคลับเชียร์ให้ทั้งสองคนมาตีกัน เหมือนดาราในปัจจุบันบางส่วนที่เกาเหลากันเพราะแฟนคลับยุ 55555
แต่รักแท้ย่อมไม่แพ้อุปสรรค เมื่อทั้งสองคนได้เจอหน้ากันแล้วก็ปิ๊งกันขนาดเปิดหน้ากากเปิดเผยโฉมหน้าชื่อแซ่ แล้วก็เริ่มออกเดทกัน อย่างที่บอกในช่วงต้น ไลฟสไตล์เหมือนกับหนุ่มสาวยุคปัจจุบันยังไงอย่างงั้น มีเที่ยวงานวัด !? ดูหนัง(ตะลุงจีน) เรื่อยเปื่อย ในช่วงนี้ผมว่าเขาเขียนบทดีนะที่ให้น้ำหนักถึงความสัมพันธ์ของคนสองคน มันก็ต้องมีอย่างนี้บ้าง ไม่ใช่เจอหน้ากันปิ๊งกันแล้วตัดฉับไปอยู่ด้วยกันเลย เพราะธีมหนังค่อนข้างลอยมาตั้งแต่ตอนเปิดตัวสองคนในคราบฮีโร่แล้ว คือเขาไม่ได้บอกว่าทั้งสองคนเป็นมาอย่างไรทำไมถึงเก่ง (อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวนาเม็ก ไซย่าอะไรก็ได้)
ซึ่งจริงๆแล้วผมว่ามันไม่จำเป็น ถึงขนาดนั้นที่ต้องพรรณาที่มาที่ไปของทั้งคู่ให้มันยืดเยื้อ ในหนังพยายามจะอธิบายในวิถีชีวิตทั้งก่อนและหลังแต่งงานกันมากกว่า ซึ่งผมว่ามันก็ถูกต้องเป็นมันเป็นเนื้อหาหลักของเรื่องมากกว่าพลังวิเศษที่ถึงจะมีบทบาทแต่ไม่ใช่แก่นหลักของเรื่องนี้ (บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่นักวิจารณ์หน้ัง เอ้ หมอนี่นิ)
เมื่อทั้งสองรักกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่ชีวิตจะต้องเดินต่อไป จุดหักเหก็คือโคมยี่เป็งปะยี่ห้อของทั้งสองคนลอยเต็มเมืองไปหมด ซึ่งตัวเอกของเราก็ชี้ให้เห็นว่าแม้จะเป็นเรื่องไร้สาระเช่นแมวหาย ก็เรียกใช้บริการ ทำให้ทั้งคู่เกิดความเบื่อหน่าย จึงตัดสินใจแต่งงานกันแล้วถอนตัวออกจากมูลนิธิ เอ้ย ยุทธภพ
แต่งงานกันโดยมีศาลเจ้าเป็นพยาน ช่วงคำนับซึ่งกันและกัน |
แล้วทั้งสองก็ครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอดไป เฮ้ย ไม่ใช่นิยายสำหรับเด็ก นี่หนังผู้ใหญ่ได้เรท 15+ แล้วทั้งสองก็ออกเิดินทางเพื่อไปใช้ชีวิตเรียบง่ายและสงบสุขที่หมู่บ้านห่างไกลในชนบทต่างหาก
หลัีงจากคำนึงถึงความหลังแล้วก็มาเจอะกับความจริง ก็เหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วไป เมื่อแต่งงาน มีบ้านเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็นึกถึงโซ่ทองคล้องใจ แต่แม้แต่ฮีโร่ก็มีปัญหามีบุตรยากซะงั้น ต้องไปปรึกษาแพทย์เรื่องนกเขาไม่ขัน 55555 ผมถึงบอกไง ว่าบรรยากาศเป็นแบบย้อนยุค แต่วิถีชีวิตมันปัจจุบันชัดๆ (ช่วงนี้สังเกตุว่าเจ๊ฮวนไม่ไปขายซาลาเปาแระ มาเป็นแม่บ้านเต็มเวลา สงสัยว่าเพื่อจะมีบุตร 5555) โดยสรุปก็คือทั้งคู่อยู่ด้วยกันมานาน ใช้ชีวิตราบเรียบเป็นไม้ฝาเฌอร่าไม่มีอะไรตื่นเต้นมันจืดชืดเกินไปเลยต้องหาอะไรตื่นเต้นทำ อุอุ อ๊ะๆ อย่าคิดลึกคือทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันบ้างเลย ก็เลยลองทะเลาะกันเพื่อสร้างรสชาติให้ชีวิต??? พร้อมๆกับโดปยาไปด้วย อะไรมันจะอินเทรนด์ขนาดน้านนนเข้าข่ายยิ่งทะเลาะกันลูกยิ่งหัวปีท้ายปีอะไรประมาณนี้
แล้วเรื่องตื่นเต้นก็เข้ามาจนได้ คือมีขุนนางจากเมืองหลวงมาที่หมู่บ้านบอกว่าจะใ้ช้หมู่บ้านนี้เป็นที่จัดงานประลองยุทธเพือจัดระเบียบวิชายุทธและเฟ้นหาสำนักที่เป็นผู้นำยุทธภพอะไรเทือกนี้ ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับเฮียฮวนของเราเป็นอย่างยิ่ง (ก็เคยเป็นจอมยุทธมาก่อนนิ) ที่สงสัยก็เพราะว่าทำไมต้องมาจัดที่หมู่บ้านห่างไกลในชนบทแบบนี้ แต่ก็เพราะความที่ต้องการหาอะไรตื่นเต้นทำ เลยทำให้มองข้ามไป
น้องนางเสื้อฟ้า |
ตัวละครที่มีบทบาทก็เริ่มเพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งคุณชายไก่อ่อนที่พยายามเข้ามาหลีน้องเสื้อฟ้ากับคุณชายเจ้าสำนักชุดขาวที่เป็นโปรโมเตอร์งานประลองยุทธครั้งนี้
คุณชายไก่อ่อน และ เจ้าสำนักเสื้อขาว |
รอบแรกของการประลองเป็นเพลงหมัด โดยแชมป์เป็นของพวกเสื้อแดง (ในเรื่องใส่เสื้อแดงจริงๆนะ ไม่ได้อิงการเมือง 555) ที่มากล่าวถึงก็เพราะว่าดูยังไงๆพวกเสื้อแดงก็ใช้มวยไทย จริงๆ เตะเจาะยางแบบนั้น มวยไทยชัดๆ
และเพราะเฮียฮวนของเราไปอี๋อ๋อกับน้องเสื้อฟ้า เจ๊ฮวนเราเลยแก้แค้นโดยการประชิดเจ้าสำนักชุดขาว หุๆๆ ประมาณเกลือจิ้มเกลือไรงี้ไง ทำให้ทั้งสองนัดตบตี เอ้ยปรับความเข้าใจกันหลังเขาที่ประลองยุทธ แล้วเจ๊ก็แสดงอิทธิฤทธิ์จนเข้าไปป่วนในงานเล็กน้อย พอขำๆ
แล้วก็เป็นหน้าที่สามีที่ดีที่ต้องไปง้อภรรยา แต่เฮียฮวนก็ดันพาเจ้าสำนักทั้งห้าไปกินข้าวที่บ้านแทนที่จะสวีทหวานกันสองคน แล้วยังชวนน้องเสื้อฟ้าไปอีก คราวนี้เจ๊ฮวนก็ระเบิดลงในทันที แต่จริงๆแล้วเป็นแผนการณ์ของเฮียฮวนที่ไหว้วานให้น้องเสื้อฟ้าช่วยทำให้เจ๊เค้าหึงเฮียหน่อย เพราะเลือดจะได้สูบฉีด จะได้ตื่นเต้นทำลูกได้ (จริงอ่ะ) และแล้วในที่สุดทั้งสองคนก็กลับมาคืนดีกันดังเดิม จบ เอ้ยยัง ยังเหลือตัวละครอีกตั้งแยะ จะรีบจบได้ไงเนอะ บอกแล้วว่าเป็น Action Comedy ไม่ใช่ Romantics Comedy สักหน่อย
และในที่สุดความจริงก็ปรากฎ งานประลองยุทธนี้เป็นแผนการร้ายของเจ้าสำนักเสื้อขาวนี่เอง โดยกำหนดวันให้ตรงกับวันที่เกิดสุริยุปราคา และหลอกให้เจ้าสำนักทั้งห้าเข้ามาลานประลองโดยไม่มีเหล่าศิษยานุศิษย์ตามมา เจ้าสำนักชุดขาวนี่จะฝึกมหาเวทย์ดูดดาวที่จะดูดพลังของผู้คนเข้ามาเป็นพลังของตัวเอง
ชุดเต็มยศของสองจอมยุทธ |
ขณะกำลังได้เปรียบอยู่ สองจอมยุทธก็พลาดท่าให้กับเจ้าสำนักเสื้อขาวโดยโดนดูดพลัง มีแอบซึ้งนิดหน่อยตอนที่จอมยุทธเพลิงกำลังเสียท่าโดนดูดพลัง ยังหันไปบอกจอมยุทธหอมให้หนีไป
ช่วงนี้มีคลายปมสำหรับเรื่องราวของเจ้าสำนักเสื้อขาวกับอาจารย์ของเขานิดหน่อย คืออาจารย์บอกว่าสิ่งใดในโลกย่อมต้องสมดุลถ้ามีมากไปมันจะทำลายตัวเอง (ประมาณนี้ จำเป๊ะๆไม่ได้)
จอมยุทธหอมเลยใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ (เจ๊แกเก่งเรื่องนี้แฮะ) โดยในเมื่อเจ้าสำนักเสื้อขาวต้องการดูดพลัง เจ๊แกเลยไปจับต้นไม้ที่บอกว่ามีอายุเป็นพันปีเข้าเพื่อให้เจ้าสำนักเสื้อขาวดูดพลังให้หนำใจ คราวนี้มันมากเกินไปจนเจ้าสำนักเสื้อขาวหายไปกลายเป็นผลึกอันหนึ่ง???? งงล่ะสิ ผมก็งง แต่อย่าคิดมาก เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคิดมากอย่างที่บอกไว้ตอนต้นเรื่อง
แล้วทุกอย่างก็คืนสู่สภาวะปกติ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้ ที่แท้ขุนนางที่มาด้วยร่วมมือกับเจ้าสำนักชุดขาวเพื่อใช้มหาเวทย์ดูดดาวโค่นราชบัลลังค์ และที่เลือกหมู่บ้านห่างไกลก็เพราะปิดปากง่ายโดยปล่อยข่าวว่ามีโรคระบาทชาวบ้านตายหมด แต่ยังมีหักมุมอีกหน่อยตรงที่คุณชายไก่อ่อนที่แท้เป็นฮ่องเต้ปลอมตัวมา (น้ำเน่าเริ่มมาตุๆแล้ว) เข้ามาช่วยไว้ทัน แล้วโชคชะตาของน้องนางเสื้อฟ้าจะเป็นอย่างไร อ่องเต้อุตส่าห์มาหลีน้องเขาไว้ ทั้งหมดทั้งปวงยังเป็นความลับต่อไป เพราะเรื่องไม่กล่าวถึงและน้องนางเสื้อฟ้าหลังจากตอนที่เฮียฮวงไปขอคืนดีกับเจ๊ฮวงแล้วก็ไม่ปรากฎตัวอีกเลย
และแล้วเรื่องก็มาถึงบทสรุป (สักที) สองสามีภรรยาก็ได้มีลูกสมความปรารถนา และยังคงใช้ชีวิตราบเรียบสงบสุขต่อไป
ชีวิตสงบสุข บทสรุปของจอมยุทธ |
ช่วงบ่นไปเรื่อย
อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนแรก จะดูเรื่องนี้ให้สนุกไม่ต้องไปคำนึงถึงตรรกศาสตร์อะไรมากมาย หนังดำเนินเรื่องไปเป็นเส้นตรง ไม่ต้องมีเรื่องให้คิดมาก เป็นหนังดูง่ายๆ
ตัวหนังทั้งพลอตเรื่องและตัวละครได้รับอิทธิพลโดยตรงจากหนังแนวฮีโร่เรื่องอื่น แต่สร้างความแตกต่างโดยใช้ธีมเป็นยุคจีนโบราณ
เครดิตส่วนหนึ่งขอยกให้ทีมพากย์พันธมิตร มีส่วนเป็นอย่างมากที่ทำให้การดำเนินเรื่องมีสีสันและตลกมากขึ้น
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้มีกลิ่นอายคล้ายหนังโจว ชิง ฉือ อยู่มากทีเดียว มาเห็นเครดิตช่วงท้่ายว่าผู้กำกับเรื่องนี้ทำงานหลายเรื่องร่วมกับเฮียโจวแล้ว อ้า ความจริงก็ปรากฎและจากการหาข้อมูลเพิ่มเติมเขาบอกว่าเปิดตัววันแรกแรงทีเดียวเชียวนะ
ส่วนใหญ่แล้วผมจะบ่นๆแทรกไปตามท้องเรื่องอยู่แล้ว ช่วงนี้จึงแทบจะเรียกว่าไม่เหลืออะไรให้บ่นแล้ว
เก็บตกจากหนัง
สังเกตุดูว่าในบล็อคของผมนั้นมักจะหาข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนั้นๆ ถ้าไม่ใช่หนังห่วยที่ไร้แก่นสารจริงๆ หนังก็จะแทรกอะไรหลายๆอย่างสะท้อนให้เราอยู่เสมอ นี่เป็นอีกเหตุผลที่ผมชอบนั่งดูหนัง (บางทีก็นอนดูหนัง 5555)
จริงๆแล้วเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอันแท้จริงของคนเรา ทั้งพระเอกนางเอกได้ก้าวไปจุดสูงสุดของยุทธภพมาช่วงหนึ่ง (สังเกตุจากแฟนคลับ หุๆๆๆ) แล้วทั้งสองคนก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่างกลับไปสู่ความเรียบง่าย ใช้ชีวิตปกติ แต่คนก็ยังเป็นคน เมื่อวุ่นวายเกินไปก็ร้องหาความเรียบง่าย เมื่อเรียบง่ายเกินไปก็ร้องหาความวุ่นวาย สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ เหมือนผมชอบพูดล้อๆเสมอๆว่า "ความพอดี ไม่มีในโลก" ตราบใดที่เรายังจมอยู่ในวัฎฎะอยู่นั่นเอง โอ้ววววว ธรรมะจริงๆ
และสุดท้ายความสุขของคนเราจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าครอบครัวที่อบอุ่นนั่นเอง อิจฉาจริงๆ
หลายๆอย่างที่ชอบผมก็ได้แทรกไว้แล้วในเนื้อเรื่อง (อีกแล้ว) เข้าบทสรุปกันเลยดีกว่า
สรุป
หนังเรื่องนี้เป็นหนังดูง่ายๆ สำหรับผม "สนุก" ครับ แต่ถึงขั้นประทับใจจนดูซ้ำได้หลายๆรอบไหม ผมว่าไม่นะ นานๆไปพอลืมๆแล้วกลับมาดูอีกทีก็โอเค แต่ตอนนี้ ดูรอบเดียวก็พอแล้วครับ
เครดิต
ข้อมูลและรูปภาพบางส่วนจาก Sanook.com
VCD เืรื่องฮ้อ แรง
หน้าปก VCD |
ซ้ออู๋ขวัญใจผมเลยคร้าบ อิอิ!
ตอบลบ