วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

ย้ายบ้านครับ

สำหรับทุกท่านที่หลงแวะเข้ามาอ่านผมบ่นเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ผมขอย้ายบ้านนะครับ แต่ผมจะขอยกบทความเกี่ยวกับหนังในบล็อกนี้ไป แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังทิ้งของเก่าไว้เป็นอนุสรณ์ค้าบบบ

บล็อคใหม่ผมค้าบ
http://zupzipmovie.blogspot.com/

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ไปดูหนัง แล้วมาบ่น Iron Sky 2018 ทัพเหล็กนาซีถล่มโลก



23 พฤษภาคม 2555

หลังจากว่างเว้นการดูหนังไปสักพัก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตผม กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ปาเข้าไปพอสมควร บังเอิญเคยได้ดูหนังตัวอย่างของเรื่อง Iron Sky (เพิ่งรู้ชื่อไทยว่าเป็น 2018 ทัพเหล็กนาซีถล่มโลกก็ตอนซื้อตั๋วนั่นแหละ)

หนังตัวอย่างของเรื่องนี้ขอบอกว่าน่าดูม้ากกกกก มากกกกกก จนผมต้องจดไว้เป็น Must Do List เลยทีเดียวเชียวแหละ พอถึงวันพุธ วันดูหนังสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยเช่นผม หลังจากกระอักค่าตั๋วหนังเรื่อง The Avengers ไปงวดที่แล้ว (220 บาทขาดตัว) คราวนี้ต้องวันพุธเท่านั้น หุๆๆๆ (งวดนี้โดนไป 120 บาทขาดใจ)

ลองมาดูหนังตัวอย่างกันก่อน
http://www.youtube.com/watch?v=kNDaOFQ6g2I&feature=relmfu

แค่ตัวอย่างหนังผมก็อยากดูจนตัวสั่นระริกๆ แล้ว บ่นมานานแล้ว เริ่มกันเลยดีกว่า แต่ก่อนอื่นเป็นธรรมเนียมไปเรียบร้อยแล้ว ขอแจ้งให้ทราบว่ามีการเปิดเผยเนื้อหาของหนังอย่างเต็มเหนี่ยว เรียกว่าไม่มียั้งกันเลยทีเดียว ท่านที่ยังไม่ได้ชมและคิดว่าจะไปชม ขอให้ข้ามไปเสียโดยดีถ้าไม่อยากเสียอรรถรสในการรับชม

หนังเปิดตัวด้วยความรู้สึกเย็นๆ สบายๆ ชอบเพลงตอนเริ่มต้นนี้นะ ในเรื่องบอกว่าเป็นปี 2018 (เลยจับยัดเป็นชื่อไทยซ้า หุๆๆ) สหรัฐส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์อีกครั้ง แต่ภาระกิจครั้งนี้กลับกลายเป็นภารกิจหาเสียงให้ปธน.ที่เป็นผญ. (ชีแกแรงมิใช่น้อย) ช่วงนี้ผมคิดว่าสงสัยเทรนด์ผู้นำหญิงกำลังมาแรงจริงๆนะ แล้วอีกแค่ไม่กี่ปี จะหาเสียงทีต้องลงทุนกันขนาดเน้เชียวนะจะบอกให้

ฐานทัพนาซีบนดวงจันทร์ บอกหราเลยว่าช้านเป็นนาซีน้าาา
แล้วนักบินคนแรกดันไปเห็นฐานทัพลับของนาซีที่อยู่บนด้านมืดของดวงจันทร์ เลยโดนสอยซะเลือดกระจาย ส่วนนักบินอีกคนก็ถูกจับเพราะพวกนาซีคิดว่าเป็นสปายมาสืบราชการลับ???

ช่วงนี้ดูฐานทัพนาซีบนด้านมืดของดวงจันทร์ (ชื่อยาวม้าก) อลังการงานสร้าง แต่ขัดกับหลักฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แทบจะทุกอย่าง โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกขัดๆกับชุดอวกาศของนาซีไงไม่รู้ ส่วนเรื่องขัดธรรมชาติอื่นๆขอยกยอดไปบ่นต่อเอาตอนท้ายๆแล้วกัน

ชุดอวกาศของบรรดาเหล่าลูกสมุนกีกี้ของนาซี
คนที่จับนักบินอวกาศได้กลายเป็นคนใหญ่คนโตของกองทัพนาซี เป็นแคนดิเดตว่าที่ท่านผู้นำรุ่นต่อไปชื่อ "อัดเลอร์" ต่อไปเรียกว่าอ้ายอัดแล้วกัน(ช่วงนี้ติดขุนศึก หุๆๆ)

แต่ที่ฮากว่านั้นคือพอเปิดหมวกนักบินอวกาศสหรัฐที่โดนจับมากลายเป็นนิโกรผิวดำซะอย่างงั้น พวกนาซีก็เลยงงตาแตกเลยทีเดียวเชียว

อ้ายอัด มาดสุดเข้ม
บางคนอาจจะไม่เก็ต คือพวกนาซีนี่เป็นพวกเหยียดผิวตัวพ่อเลย ถือว่าชนชาติของตนเป็นอารยัน (หรือเรียกว่าอารยัน คือผิวขาวผมทองนั่นแหละ) พวกสีผิวอื่นถือว่าเป็นคนชั้นต่ำกระจอก เป็นได้แค่ไพร่ ทาสในเรื่อนเบี้ยประมาณนั้น แต่ดันจับผิวดำมาได้ แล้วคิดว่าเป็นสปายอีก คราวนี้เลยยิ่งมีฮา

น้องรินา หน้าพอใช้ ได้ใจที่หุ่น
ต่อมาเป็นฉากในตัวอย่างหนังนั่นแหละ เปิดตัวนางเอกสุดเอ็กซ์ในเรื่องชื่อรินาเต้ ต่อไปผมเรียกว่าน้องรินาแล้วกัน (คิกขุอ่ะ) น้องรินานี่ตอนแรกผมนึกว่าเป็นครู เพราะเธอสอนเด็กๆในโรงเรียนนาซีวิทยา วิทยาเขตดวงจันทร์ แต่จริงๆแล้วเธอเป็นนักวิจัยเกี่ยวกับโลก

อ้าว งงล่ะสิ คือพวกนาซีนี่หนีออกมาจากโลกตอนที่ใกล้จะแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้เรื่องราวทางโลกของพวกนี้แทบจะน้อยถึงน้อยมาก เลยจำต้องมีเรื่องโลกาวิทยา (ทฤษฎีของผมเอง)


พี่มืดของเรา หล่อมั้ยฮาฟ
ปรากฏว่าพ่อมืดของเรา (รู้สึกจะชื่อวอชิงตัน แต่เรียกว่าพ่อมืดแล้วกัน) แอบหนีจากการรุมล้อม??? ไม่ต้องถามผม ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เอาไปขัง คือประมาณรออ้ายอัดเนี่ยมาสอบสวนด้วยตัวเอง แล้วอ้ายอัดก็แวบไปหาน้องรินา ในเรื่องเปิดเผยว่าทั้งคู่จะต้องแต่งงานกัน เพื่อผลิตทายาทชาวอารยันอันสูงส่งรุ่นต่อไปกำเทือกนี้ พอน้องรีนารู้ว่าจับตัวชาวโลกที่(คิดเองว่า)มาสอดแนมได้ น้องรีนาก็เนื้อเต้นระริกอยากเจอชาวโลกตัวเป็นๆ (แล้วตัวเองเป็นชาวดาวนาเม็กหรือไง) แล้วก็ตามสไตล์หนังพี่มืดก็หนีมาหล่นทับอ้ายอัดสลบเหมือดเหลือแต่น้องรีนา แต่ความซวยของพี่มืดยังไม่หมด ดันไปเปิดประตูสู่อวกาศซะงั้น ซึ่งใครที่ชอบดูหนังไซไฟก็จะพบว่าอากาศก็จะถูกดูดออกด้านนอก รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ (และคนด้วย) ฉากนี้เด็ดดวงหลาย หุๆๆ น้องรีนาโดนดูดอีท่าไหนไม่รู้ ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยไปหมด พี่มืดต้องช่วยน้องรีนาเข้ามาไม่ให้หลุดกลายเป็นดาวยั่วน้อย เอ้ย ดาวเคราะห์น้อยกลางอวกาศ จุดนี้ทำให้น้องรีนารู้สึกดีกับพี่มืดของเรา (แอบปิ๊งล่ะสิ)

ดอกเตอร์สติเฟื่อง
แล้วพี่มืดของเราก็โดนจับมาสอบสวนโดยอ้ายอัดกับดอกเตอร์ (ที่เป็นพ่อของน้องรีนา) และจากความรู้สึกดีๆที่น้องรีนามีให้พี่มืด ทำให้น้องรีนายื่นมือเข้าช่วยเหลือไม่ให้พี่มืดโดนทรมานเพื่อให้คายความลับ (ก็ไม่เห็นมีความลับอะไร คิดไปเองทั้งน้าน) แต่จากการสอบสวนทำให้เจอสมาร์ทโฟนของพี่มืด ช่วงนี้มึนมาก เอาโทรศัพท์ขึ้นไปดวงจันทร์อ่ะนะ พี่มืดค้าบ พี่จะโทรหาใครที่โน่น

แต่สมาร์โฟน (คิดว่าน่าจะเป็นไอโฟนนะ ผิดก็ขออภัย ไม่ได้ค่าโฆษณาก็เงี้ยแหละ) ของพี่มืดก็กลายเป็นสิ่งล้ำค่าขึ้นมา เพราะว่าพวกนาซีอยู่หลังเขาเอ้ย หลังดวงจันทร์ ทำให้ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีตอนนี้ก้าวหน้าไปแค่ไหน คอมพิวเตอร์ที่ดอกเตอร์ใช้ยังเครื่องเท่าบ้นอยู่เลย ทีนี้นาซีเนื่ยมีแผนสร้างยานรบมหึมามหาประลัยชื่อทไวไลท์ขึ้นมา โดยใช้ฮีเลียม 3 เป็นเชื้อเพลิง แล้วเจ้าฮีเลียม 3 เป็นอย่างไร ยกไว้เม้าท์มอยท้ายเรื่อง บอกตอนนี้แค่ว่าเป็น rare item บนโลก หุๆๆๆ
กลับมาที่สมาร์โฟนพี่มืดต่อ สมาร์ทโฟนเครื่องนี้มีประสิทธิภาพราวกับเป็นกุญแจลับไขสู่จักรวาลอย่างไรอย่างนั้น เพียงแค่เสียบกับ USB (เครื่องคอมสุดโบราณ แต่ดันมี USB) ก็สามารถทำให้เครื่องจักรยักษ์ทำงานได้อีกครั้ง แต่อิจจา แบตสมาร์โฟนหมด (บอกแล้วว่าอย่าเล่นแต่แองกี้เบิร์ดทั้งวันนะดอกเตอร์) ทำให้อ้ายอัดอาสากลับไปยังโลกเพื่อดำเนินแผนการต่อ ว่าง่ายๆ ไปเอาแบตนั่นเอง

แต่ต้องมีผู้นำทาง จะไปโลกก็ต้องใช้ชาวโลกนำทาง ดอกเตอร์ได้ฉีดยาอะไรบางอย่าง (มันเขียนภาษาเยอรมันอ่ะ อ่านไม่ออก) ให้กับพี่มืด สรุปแล้วพี่มืดกลายเป็นพี่เผือกไปซะงั้น ผิวขาวผมทองเลยทีเดียวเชียวประกอบกับน้องรีนาบอกใบ้ให้ทำท่าเหมือนพวกนาซีหลอกว่าล้างสมองสำเร็จแล้วเพื่อที่จะไม่ต้องทนถูกทรมานอีก (ในเรื่องเห็นแค่เปิดเพลงหรืออะไรสักอย่างเป็นภาษาเยอรมันกรอกหูแค่นั้น น่ากลัวขิงๆ) คราวนี้น้องรีนาแสดงอาการอยากไปเปิดหูเปิดตาในเมืองบ้างเลยแอบขึ้นจานบินไปยังโลกด้วยคน
ป้ายหน้าจอดที่โลกด้วยลูกพี่
ย้อนกลับมานิดหน่อย ที่พี่ืมืดไม่ได้โดนอ้ายอัดยัดลูกตะกั่วเข้าขมับเพราะว่าพี่มืดบอกว่ารู้จักกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (เท่ป่ะ) ดังนั้นเมื่อคณะทัวร์ถึงโลกแล้วอ้ายอัดกับน้องรีนาจึงให้พี่มืดรีบพาไปหาประธานาธิบดีในบัดดล

สุดท้ายพี่มืดก็พาไปเจอหัวหน้าคณะหาเสียงของทั่นประธานาธิบดีจริงๆแล้วก็ลิ่วล้อนั่นแหละหุๆๆๆ ป้าลิ่วล้อดูท่าทางจะชอบอ้ายอัดอยู่มิใช่น้อยเนื่องจากเห็นอะไรบางอย่าง ???? เลยชักชวนให้อ้ายอัดกับน้องรีนาไปหาป้าปธน. งวดนี้พี่มืดโดนเตะตกรถไม่ต้องการไกด์นำทางเลยถีบส่งซะงั้นเลย
ป้าปธน.กะป้าลิ่วล้อ
เมื่อได้พบป้าปธน.อ้ายอัดเลยให้น้องรีนาท่องปรัชญา(ปลอมๆ)ของพวกนาซีขึ้นมา ป้าลิ่วล้อเลยจัดอาขยานของน้องรีนาให้เป็นคำปราศรัยให้ป้าปธน.ซะเลย ผลตอบรับกลับมาดีมากมาย โพลจากตามอยู่ลิบๆกลับกลายมาเป็นสูสีในบัดดล แล้วสองนาซีก็เหมือนลืมภาระกิจตามหาแบตไอโฟนซะอย่างนั้น อ้ายอัดเข้าร่วมแคมเปญหาเสียงของสองป้าอย่างแข็งขัน ส่วนน้องรีนาก็ออกมาเดินท่อมๆกลางถนนซะอย่างนั้น เหมือนชะตาฟ้าลิขิต น้องรีนาก็กลับมาเจอพี่มืดในร่างพี่เผือกอีกครั้ง ตอนนี้พี่มืดเราสติแตกยืนชูป้ายตักเตือนชาวโลกเรื่องนาซีอยู่ริมถนน พี่มืดก็ทำให้น้องรีนาหายโลกสวยเรื่องนาซีจนได้โดยพาไปดูหนังล้อฮิตเลอร์โดยชาลี แชปปลิ้น

แกงค์หาเสียงให้ปธน.สหรัฐโดยเหล่านาซี ฮ่วย
หลังจากน้องรีนาตาสว่างแล้วว่าอุดมการณ์ที่ตัวเองยึดถือมาเนิ่นนานกลับกลายเป็นสิ่งตรงกันข้าม น้องรีนาก็พยายามหยุดยั้งอ้ายอัด

แต่ตอนนี้ป้าลิ่วล้อแกรุกประชิดตัวอ้ายอัดหลังจากอ่อยมาหลายเพลาแล้วไม่สำเร็จผล ป้าเลยจะปล้ำซะงั้นเลย

จริงๆแล้วอ้ายอัดก็ยังคงดำเนินการตามแผนเดิม แต่มีการอัพเกรดขึ้นโดยจะยึดอำนาจจากท่านผู้นำคนปัจจุบันแล้วนำพลพรรคบุกโลก

ตามสไตล์หนังท่านผู้นำก็มาอยู่ที่โลกเรียบร้อยแล้ว แถมรออยู่ห้องทำงาน (ว่าที่สังเวียนโลกีย์ด้วย 555) มาอยู่ได้ไงก็ไม่รู้ ไหนตอนแรกบอกว่าใครก็ตามที่ลงมาที่โลกแล้วไม่ได้กลับไปสักคนไง ตอนนี้มากันให้เพียบไปหมด (ความเห็นส่วนตัว คือพอลงมาโลกแล้วเห็นความแตกต่างกับอาณาจักรไรซ์ที่สี่บนดวงจันทร์ เป็นผม ผมก็ไม่กลับหรอก หุๆๆ) แล้วน้องรีนากับพี่มืดก็โผล่ออกมา แล้วก็เผ่นออกไป (มาทำไมก็ไม่รู้) สรุปแล้วท่านผู้นำม่องเท่งเพราะป้าลิ่วล้อแกใช้มารยากับ "จ่าอวกาศ" (ในหนังเรียกอย่างนั้นจริงๆ) ฉกปืนมากราดยิงไปทั่ว แล้วอ้ายอัดก็ยึดคฑาผู้นำตั้งตนเป็นผู้นำรุ่นต่อไป ภาระกิจแรกก็คือสั่งการให้ฝูงบินรบนาซีเข้าถล่มโลก แล้วก็ฉวยเอาแทปเล็ตป้าลิ่วล้อไปนัยว่าแหล่มกว่าไอโฟนเป็นกอง ส่วนป้าลิ่วล้อก็ปรี๊ดปรอทแตก ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกับอ้ายอัดอีกต่อไป ข้อหาอ่อยแล้วไปตกหลุม

กองทัพยานอวกาศของเหล่านาซี ยังคงสไตล์เดิมๆไว้คือมีเรือเหาะ (แต่งวดนี้เรือเหาะอวกาศ)
อ้ายอัดก็ขึ้นยานกลับดวงจันทร์ ปล่อยให้เหล่ากีกี้นาซีขี่จานบินบุกโลก ตอนแรกก็คิดว่าขัดๆยังไงไม่ทราบ อ้อสักพักกองทัพอากาศสหรัฐก็เข้ามาต่อกร ยิงกันกระหน่ำกลางเมือง แต่ป้าปธน.กลับชอบใจเพราะบอกว่าปธน.คนไหนก่อสงครามในการเลือกตั้งสมัยแรก สมัยที่สองได้เป็นต่อชัวร์ (เสียดสีบุชแหงมๆ) ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงตื่นตาสุดของเรื่อง แต่กลับไม่เป็นอย่างหวัง ไว้รวบยอดบ่นทีเดียวแล้วกัน

ในที่สุดน้องรีนากับพี่มืดก็ตกลงจะกลับไปยับยั้งอ้ายอัดที่ดวงจันทร์เพราะน้องลีนารู้ว่าอ้ายอัดต้องการให้ยานทไวไลท์ออกปฏิบัติการได้ ตอนนี้ทางโลกเปิดตัวยานอวกาศสุดล้ำเข้าประจัญบานกันเรือเหาะอวกาศ เหล่าเรือเหาะสู้เทคโนโลยีไม่ไหวต้องพ่ายไป กองทัพยานอวกาศนำโดยสหรัฐที่มีป้าลิ่วล้อเป็นผบ.ยานก็ได้ทีขี้แพะไหล ตามไปบุกถึงดวงจันทร์ 

จานบินนาซีทีให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถถัง
และแล้วธาตุแท้ของคนก็ปรากฎขึ้น ป้าลิ่วล้อแกตะลุยบุกมาจนถึงฐานทัพนาซีที่ดวงจันทร์เรียบร้อยแล้วเกิดอาการอยากระบายความเก็บกด ป้าเลยสั่งยิงนิวเคลียร์ใส่ฐานทัพนาซีเลย แม้จะมีคนบอกว่ามีผู้หญิงกะเด็กที่ไม่รู้เรื่องอยู่ป้าก็ไม่สนใจ เป็นที่น่าเอน็จอนาถใจที่สุด

ป้าลิ่วล้อคอสตูมจัดเต็มไว้ลุยนาซี
ย้อนกลับมาที่น้องรินากับพี่มืดที่ได้แอบเข้ามาที่ยานทไวไลท์อันสุดแสนอลังการงานสร้าง (ด้วยเทคโนโลยีสมัยสงครามโลก) อ้ายอัดก็เอาแทปเล็ตที่จิ๊กมาจากป้าลิ่วล้อ (ไม่ใช่จากเด็กป.1 นะ) ต่อเข้ากับแท่นแทนที่ไอโฟน ทำให้เครื่องจักรที่น้องรินาเคลมว่าเป็นเครื่องจักรที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างมาได้ทำงานอีกครั้งหนึ่ง

พี่มืดแยกไปจัดการดอกเตอร์ ส่วนน้องรินาแยกไปจัดการอ้ายอัด สรุปเลยแล้วกันพี่มืดได้ยาที่ทำให้กลับมาดำดีสีไม่ตกเหมือนเดิม ส่วนน้องรินาก็จัดการอ้ายอัดได้ แต่จัดการยังไงนั้นไม่ขอบอกดีกว่า อนาถเหลือเกินไม่คิดว่าคนเขียนบทจะเขียนได้ ช่างกล้า

สุดท้ายแล้วพี่มืดก็ดึงเอาแทปเล็ตกลับไปแจกเด็กป.1 ได้สำเร็จทำให้ยานทไวไลท์ตกปุ๊ลงบนดวงจันทร์ เป็นอันปิดฉากสงคราม(อวกาศ) แต่ก็สะบักสะบอมไปตามๆกัน
ป้าปธน.ลุยแหลกกลาง UN

พอหลังจากได้ชัยชนะจากความสามัคคีรวมพลังกันของบรรดาประเทศต่างๆบนโลก ธาตุแท้ของความเป็นมนุษย์ก็ปรากฎ เมื่อป้าลิ่วล้อดันไปพูดถึงฮีเลียม 3 คราวนี้ รมว.กลาโหมของอเมริกาก็กระซิบบอกป้าปธน.ว่าให้บอกชาติต่างๆว่าฮีเลียม 3เนี้ย เป็นของอเมริกา ประมาณคือตู่เอาเลยซะอย่างนั้น ผลปรากฎว่าชาติอื่นเขาไม่โง่ครับ งวดนี้เลยตีกันนัวเนียเลย แต่ละชาติก็สั่งให้ยานรบอวกาศของตนแย่งชิงเอาฮีเลียม 3 มาให้ได้ สงครามอวกาศเลยเกิดขึ้นรอบสองอีกครั้ง จากที่จับมือร่วมกันก็หันกลับมากัดกัน (สงสัยเลียนแบบประเทศสารขัณฑ์แถวนี้แน่ๆเลย)

ในที่สุดก็มาถึงตอนท้ายของเรื่อง น้องรินากับพี่มืดหนีออกจากยานยักษ์กลับมายังฐานทัพนาซีที่เหลือแต่ซากปรักหักพัง พบคนตายระเกะระกะทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ (เพราะคนหนุ่มเป็นทหารตายในสงครามหมดแล้ว 5555) น้องรีนาก็ตกหลุมรักพี่มืดไปเรียบร้อย ท่ามกลางความงุนงงของพวกนาซีที่เหลือ

ฉากจบของเรื่อง ศักราชของนาซีใหม่ได้เกิดขึ้นเพราะพี่มืดกับน้องรีนาบนดวงจันทร์ แต่ศักราชของโลกกำลังจะจบสิ้นลงด้วยสงครามนิวเคลียร์แย่งฮีเลียม 3 ซึ่งแต่ละคนก็ไล่ยิงนุคใส่กันอย่างเมามันส์ เฮ้อออ

น้องรีนาอีกครั้ง เห็นหุ่นแล้วเป็นไงมั่ง
เก็บตกจากหนัง


- ฮีเลียม 3 อันนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ ฮีเลียม 3 เป็นของหายาก เป็น rare item บนโลกเบี้ยวๆของเรา เกิดมาจากการที่ดวงอาทิตย์ปล่อยรังสีสุริยะออกมา คราวนี้เนี่ยโลกเรามันมีชั้นบรรยากาศกับสนามแม่เหล็กอยู่เลยไม่ค่อยเข้ามาถึงโลก แต่ดวงจันทร์ไม่มี ฮีเลียม 3 ก็เลยแทรกซึมอยู่ตามหินของดวงจันทร์

แล้วเจ้าฮีเลียม 3 มันมีไว้ทำไมล่ะ มันเป็นไอโซโทปของฮีเลียมที่เสถียร สามารถทำปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นได้ ว่ากันว่าฮีเลียม 3 แค่ 25 ตันก็เอาไปผลิตไฟฟ้าให้อเมริกาได้ปีนึงเต็มๆเลยทีเดียว
ถ้าสนใจไปอ่านต่อที่นี่
http://www.vcharkarn.com/vblog/78403
http://en.wikipedia.org/wiki/Helium-3

- ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกแนะนำให้ติดตามข่าวย้อนหลังเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศกับในประเทศใหญ่หน่อยจะได้อรรถรสในการรับชมยิ่งขี้น (พวกกีฬาสีในบ้านเราไม่ต้องครับ ชาวโลกเขาไม่สนใจมากมายนักหรอก)

- แล้วก็อย่าลืมไปค้นเรื่องเกี่ยวกับนาซีมานิดหน่อยก็พอ เพราะในเรื่องมันเป็นโลกสวยของนาซี แต่ไม่ต้องขนาดเป็นแฟนพันธุ์แท้หรอก เพราะจริงๆเนื้อหามันเกี่ยวกับนาซีแค่กระผีก

ช่วงบ่นไปเรื่อย


- อย่างที่บอกครับ ตัวอย่างหนังโคตรน่าดู เป็นไอเดียที่บรรเจิดมากมาย มีสอนเด็กๆเกี่ยวกับโลกด้วย ซึ่งเอาจริงๆแล้วก็มีแค่ทีเดียวเท่านั้นแหละ แต่ช่วงแรกถึงกลางๆเรื่องน้องรีนาเป็นพวกโลกสวยจริงๆ คือเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์นาซี (ที่มีแต่ด้านบวกสำหรับพวกนาซี)
- ชุดอวกาศของพวกนาซีนี่เหมือนกับชุดป้องกันอาวุธเคมีซะมากกว่าอีก แต่ได้อารมณ์นาซี้นาซีมากมาย รวมไปถึงรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เครื่องจักร เห็นแล้วมันนาซีเสียจริงๆ แต่พี่ครับ พี่ใช้มอไซค์กลางดวงจันทร์ ใช้รถยนต์ มันจะเอาออกซิเจนจากไหนมาสันดาปค้าบบบบบบ
- ฉากรบที่ผมคิดว่าน่าจะอลังการ กลับกลายเป็นแบบว่า เอ่อออออ มันก็โอนะ ถ้าเป็นหนังเกรดบี แต่อย่างว่านี่ไม่ใช่หนังฮอลิวู้ดที่ประโคมเอฟเฟ็คกันแบบระเบิดเมือง เผาโลก เห็นว่าต้นทุนเจ็ดล้านกว่ายูโรเองนิ ได้ขนาดนี้ก็พอทน แต่อย่างที่เกริ่นไว้ ตัวอย่างหนังมันทำให้เราคาดหวังมากมายเกินไปจริงๆ
- จะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกแล้วขำๆกับมุขในเรื่อง จะต้องมีความรู้เรื่องการเมืองระหว่างประเทศพอสมควรจริงๆ เพราะมุขต่างๆจะออกแนวเสียดสีการเมืองอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่นป้าปธน.ดูผ่านๆก็เหมือนเพลิน (คนที่สมัครรองปธน.แข่งกับโอบามานั่นอ่ะ) การวางบทตัวละครบางตัว ที่ประชุมในยูเอ็น (ชอบจริงๆมีสองมุข คือมุขเกาหลีเหนืออ้างว่าฐานนาซีเป็นของเกาหลีเหนือที่ท่านผู้นำออกแบบแล้วสร้างมาด้วยตนเอง กับฟินแลนด์ไม่ได้ส่งยานไปกับเขา อันนี้ผู้กำกับล้อเลียนชาติตัวเอง)
- เรื่องสนุกตอนต้นกับตอนท้ายที่ไล่ฆ่ากัน ตอนกลางแทบหลับ
- ค่อนข้างเสียดายกับพลอตเรื่อง คือมันมีประเด็นให้เล่นมากมาย แต่กลับไม่สุด เหมือนได้กินข้าวแต่ไม่อิ่มอ่ะ
- ช่วงท้ายเป็นอะไรที่สะท้อนความเป็นมนุษย์มากมาย แก่งแย่งชิงดีกันสารพัด สุดท้ายแล้วโลกที่ชนะในสงครามกลับพบจุดจบเพราะน้ำมือมนุษย์ พวกนาซีก็เปิดศักราชใหม่อย่างที่เล่าให้ฟัง เฮ้ออออ นี่แหละอย่างที่เขาบอกไว้ว่าความโลภมันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ

สรุป


ถ้าไม่คาดหวังไรมากก็พอดูได้ แต่จากตัวอย่างหนังและพลอตเรื่องทำให้คนคาดหวังไว้สูง สำหรับผม หนังเรื่องนี้ งั้นๆครับ ถ้าไม่ได้ดูวันพุธตั๋วถูกล่ะก็ อาจจะมีน้ำตาซึมๆบ้างเล็กน้อย นั่งดูน้องรีนาเพลินๆ ถ้าจะให้ดูซ้ำอีกรอบ ขอหลายๆปีหน่อยเลย เอาให้ลืมเนื้อเรื่องไปให้สนิทก่อน ค่อยว่ากันใหม่


Credit รูปภาพจาก
http://www.entertainmentwallpaper.com/download/10031050/
http://blog.quickflix.com.au/2012/05/09/interview-christopher-kirby-iron-sky/
http://www.imdb.com/media/rm3648761856/nm1560632
http://www.siamzone.com/movie/m/6399/poster
http://www.heyuguys.co.uk/2012/01/26/iron-sky-is-finished-and-heading-to-berlin-watch-the-epic-new-trailer/

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ไปดูหนัง แล้วมาบ่น The Avengers

โปสเตอร์หนังครับ


5 พฤษภาคม 2555
พักนี้ผมเริ่มเวิ่นเว้อแล้ว เรื่องงานเริ่มลงตัว แต่เรื่องส่วนตัวกลับดิ่งเหว วันนี้วันหยุดก็เลยเลือกที่จะไปดูหนังแก้กลุ้มสักหน่อยดีกว่า ฉลองวันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555 จะหัวเราะเยอะไปหรือเปล่า แต่ผมอยากร้องไห้จริงๆนะ กระซิกๆ

พร่ำเพ้อมานานแล้วเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า สัปดาห์นี้ปฏิเสธความแรงของ The Avengers ไม่ได้เลย ผมจึงต้องไปโดนเสียหน่อย กลัวตกเทรน อุอุ
และเช่นเคยครับ มีการเปิดเผยเนื้อหากันแบบไม่มียั้ง (ชาวบ้านเรียกว่าสปอยแบบสุดๆ) และผมก็ไม่ใช่นักวิจารณ์หนังอะไรทั้งนั้น ผมเขียนบล็อกนี้ในฐานะคนดูหนังธรรมดาสามัญชนคนหนึ่งที่มีความรู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้ก็เขียนบอกเล่ามา ก็ตามชื่อบล็อกแหละครับ ว่าอยากจะเขียน ผมก็เขียน 5555 เข้าเรื่องสักทีดีกว่า

หนังเรื่องนี้คงถูกใจขา Super Hero นักบู๊มิใช่น้อย เพราะเป็นการนำ Super Hero จากค่าย Marvel เข้ามารวมกันแน่นขนัดคับจอ หลักๆแล้วก็มี Captain America, Iron man, Thor, Hulk, Hawkeyes แล้วก็ Black Widow แต่ผมว่าสองคนหลังนี่ไม่ค่อย Super Hero สักเท่าไร ออกแนวคนที่เก่งมากๆเท่านั้นเอง โดยทุกคนมารุมยำโลกิ (คนที่เป็นน้องชายธอร์อ่ะ) เอาล่ะเข้าเรื่องกันดีกว่า
ผอ.นิก ฟิวรี่                          กัปตันอเมริกา                                    Iron Man                                    Hawkeyes
Black Widow                       ดร.แบนเนอร์ (Hulk)                                         Thor                                                Loki
ตัวละครหลักของเรื่อง
ฉากเปิดมาเวิ้งว้างกลางอวกาศ โลกิได้รับคฑาอันหนึ่งมาจากใครก็ไม่รู้ (ก็ในหนังไม่ได้บอกนี่นา) โดยมีเงื่อนไขว่าโลกิต้องไปนำเอาเทสเซอแร็ค มาแลกกันกับกองทัพที่จะใช้ยึดครองโลกประมาณนี้ แล้วไอ้เจ้าเทสเซอแร็คคืออะไรล่ะ ถ้าใครเคยดูเรื่องกัปตันอเมริกาก็คงพอรู้ มันก็คือก้อนลูกบาศก์พลังงาน (คล้ายๆกับ "เดอะคิวบ์" ในทรานสฟอร์เมอร์มั้ย) ที่ไฮดราไปเอามาตอนต้นเรื่องนั่นเอง ตอนจบของกัปตันอเมริกาก้อนพลังนี่ก็ได้ตกลงสู่พื้นมหาสมุทร แล้วโทนี่ สเตาร์ท (เขียนงี้ป่ะ) ไปงมเก็บกลับขึ้นมา

โลกิออกมาจากประตูมิติที่สร้างโดยเทสเซอแร็ค
แล้วก็ตัดฉับกลับมายังโลก เป็นฉากฐานบัญชาการอะไรสักอย่างที่เป็นที่ทดลองลูกบาศ์กนั่น คราวนี้พลังของลูกบาศ์กเริ่มไม่เสถียรแล้ว นักฟิสิกส์ (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ที่เป็นคนควบคุมก็พยายามทำให้มันกลับมาเสถียร แต่ดูเหมือนว่าความพยายามจะไม่เป็นผล ผอ.ของ SHIELD (ย่อมาจากอะไรจำไม่ได้ แต่ในเนตคงจะมี สรุปว่าเป็นองค์กรหนึ่งแล้วกัน) ชื่อนิก ฟิวรี่พี่ตาเดียวก็เข้ามาบัญชาการอพยพ แต่ก็ไม่ทันการในที่สุด ลูกบาศ์กนั่นก็ได้ปล่อยพลังเปิดประตูมิติเอาโลกิกลับมายังโลก

โลกิมาพร้อมคฑา (อันเดียวกันกับต้นเรื่องแหละ) ที่แสดงพลังออกมาได้หลายอย่าง ทั้งปล่อยพลัง(คลื่นเต่า) ทั้งบังคับจิตใจคนได้ โลกิก็อาละวาดเล็กน้อยและก็ได้ควบคุมจิตใจของนักฟิสิกส์แล้วจนท.คนหนึ่ง ซึ่งก็คือ Hawkeyes นั่นเอง แล้วก็สามารถขโมยลูกบาศ์กไปได้สำเร็จ

ตอนไปเชิญตัว ดร.แบนเนอร์ นาตาชาบอกว่ามาคนเดียว 555
นี่เแหละผู้หญิง ฮือๆๆๆ
แล้วก็ตัดฉับมาที่ผู้สาวหนึ่งเดียวของเรา นาตาชา หรือ Black Widow นั่นเอง เธอถูกจับอยู่ แล้ว จนท.ฟิล ก็โทรติดต่อเธอ ฉากนี้โชว์พาวของนาตาชานิดหน่อยพอเป็นน้ำจิ้ม เธอได้รับมอบหมายให้ไปติดตาม ดร.แบนเนอร์ หรือ Hulk ดร.แบนเนอร์หลีกลี้หนีผู้คนมาอยู่ที่อินเดีย (ไม่เห็นหนีผู้คนเลย คนเพียบ) คอยช่วยรักษาชาวบ้าน แล้วนาตาชาก็ลากดร.แบนเนอร์มายังฐานได้ โดยอ้างว่าแค่ให้มาช่วยตามหาลูกบาศ์กแค่นั้น ไม่ได้ให้ไปร่วมลุยอะไร (จริงอ่ะ)


กัปตันของเราหลังจากหายเบลอเรื่องยุคสมัยแล้วก็เข้าร่วม
ปฏิบัติการ
ค่อยๆเปิดตัวทีละคนสองคน ต่อไปก็ตากัปตันของเราบ้าง คนนี้ผอ.นิกเข้าไปลากมาด้วยตัวเองเลยทีเดียวเชียว กัปตันเราออกแนวเก็บกดเล็กน้อย ต่อยกระสอบทรายแตกไปไม่กี่ใบเอ้ง 55555 ผมว่ากัปตันยังมีนิสัยเป็นทหารมากที่สุด (อ้าว ก็เค้าเป็นทหารเน้) คือผู้บังคับบัญชาสั่งอะไรมา ก็ปฏิบัติตามโดยดีไม่มีเงื่อนไข ดังนั้นการเชิญกัปตันมาก็เลยเป็นปัญหาน้อยที่สุด


ตึกใหม่ของเฮียโท เท่ห์มาก จาวิสอัพเกรดสุดๆ
ต่อมาเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฮียโทนี่ Iron man ของเรานั่นเอง เฮียแกภาคนี้ยังเกรียนเหมือนเดิม แต่เท่ห์มากกว่าเดิมแยะ เปิดมาก็เท่ห์นำเลยแค่การถอดชุดเกราะก็กินขาดภาคเก่าๆ งวดนี้เหมือนเฮียแกจะล่ำซำกว่าเดิม สร้างตึกสเตาร์ทใหญ่เบ้อเริ่มกลางเมือง (และตึกนี้ก็เป็นโลเกชั่นสมรภูมิตอนหลังด้วยแหละ) รู้สึกว่าตอนนี้เฮียโทนี่กำลังพัฒนาเตาปฏิกรณ์อาร์ค (ที่เฮียแกสร้างได้ตอน Iron man 2) ให้มีขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นต้นแบบในตึกใหม่ของเฮียโท ในฉากเฮียก็กำลังจู๋จี๋บวกเกรียนเล็กๆน้อยๆกับแฟนอยู่ดีๆ จนท.ฟิลก็เข้ามาขัดจังหวะพร้อมกับมอบข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาพร้อมเพื่อนร่วมงานให้

โลกิกับชุดเต็มยศก่อนโดนรุมที่แฟรงก์เฟิร์ต
เรื่องดำเนินต่ออย่างค่อนข้างเร็วไม่ค่อยเยิ่นเย้อนัก นักฟิสิกส์ที่โลกิครอบงำอยู่ได้บอกโลกิว่าต้องใช้แร่อิเลเดี่ยม (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) โลกิกับพวกเลยยกพลไปแฟรงก์เฟิร์ต (เช่นเคย เขียนทับศัพท์ยากจริงๆ ไม่รู้ว่าแบบไหนเขียนถูก) เพื่อไปเอาแร่อิเลเดี่ยมที่ในเรื่องบอกว่ามาจากอุกกาบาตนอกโลก Hawkeyes เป็นคนเข้าไปเอาแร่ได้สำเร็จ แต่โลกิยังคงรื่นรมณ์อยู่กับพลังของตัวเองด้านนอก ทำให้ Black Widow และกัปตันขับยานมาถึง แถมมีเฮียโทเข้ามาแจมร่วมสหบาทาโลกิซะจนน่วม (โลกิเหมือนจะเทพ แต่เจอ Iron Man เข้าไปไหงกลายเป็นเกรียนไปได้)
ชอบจริงๆเลยภาพนี้ ขอตั้งชื่อว่ากัปตันฟาดหาง ตอนที่ตบเกรียนโลกิแถวแฟรงก์เฟิร์ต

การเผชิญหน้าของสามเก๋า (โลกินั่งดูอยู่บนภูโน่น)
ระหว่างนำตัวโลกิกลับฐาน ปรากฎมีฟ้าคะนอง ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากธอร์ลงมาตบเกรียนน้องชายและจะพาตัวกลับไปยังแอสการ์ด คราวนี้ก็เลยซัดกันนัวเนียทั้งกัปตัน เฮียโท และเฮียธอร์ โดยโลกินั่งดูอยู่บนภูดูหมูกัดกัน 5555 สามคนก็ซัดกันนัวเนียเลยทีเดียวเชียว ช่วงนี้เป็นช่วงโชว์ออฟ แต่ละคนปล่อยของกันไม่ยั้ง นับเป็นความเกรียนของเหล่าฮีโร่ชนิดหนึ่ง จุดนี้ผมเห็นว่าก็เหมือนในชีวิตประจำวันของเราๆท่านๆนั่นแหละ ยิ่งเก่งเท่าไร อัตตาก็ยิ่งสูงเท่านั้น เมื่อคนเราคิดว่าเรามีเหตุผลแล้วเราจะปิดหูปิดตาไม่ฟังเหตุผลอะไรของคนอื่นทั้งสิ้น อย่างในเรื่องเฮียธอร์ต้องการเอาน้องชายกลับบ้าน อาจจะมีเหตุผลว่ารักน้องน้องรักประมาณนี้ แต่กัปตันและเฮียโทต้องการนำโลกิกลับฐานเพื่อจะไปตามหาลูกบาศ์กชื่อเรียกยาก (ที่ตอนนี้นักฟิสิกส์กำลังทดลองอะไรอยู่อย่างเมามันส์) เหตุผลแต่ละคนก็ถูกต้อง แต่ความต้องการขัดแย้ง จึงต้องตบตีกันนั่นเอง ทำไมไม่คุยกันดีๆเนอะ เอาโลกิกลับฐานก่อน ไว้เมื่อสามารถหาลูกบาศ์กชื่อเรียกยากได้แล้วค่อยพากลับบ้านไปตีตูดแปะๆ สั่งสอนอะไรก็ว่ากันไป อา... ช่างเหมือนการเมืองไทยจริงๆ ข้าดี เอ็งเลว ข้าเลว เอ็งดีอยู่นั่น 55555 แต่สุดท้ายก็นำโลกิกลับมายังฐานทัพอลังการงานสร้างจนได้
รูปฐานรูปเดียวที่หาได้ เศร้าจริงๆ
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบฐานมาก (ถึงแม้ว่าจะโม้สุดๆก็ตาม) คือเป็นเหมือนเรือบรรทุกเครื่องบิน (ตลกอ่ะ มีใหม่เอี่ยมอ่องแกะกล่องแบบ F22 แล้วก็มีเก่าจนโละทิ้งให้กองทัพเรือไทยแบบ AV8 Harrier อยู่ในที่เดียวกันด้วยอ่ะ) แต่มีโหมดสามารถบินขึ้นฟ้าได้ นึกถึงเรื่องมาครอสจริงๆ ฐานทัพก็ประมาณนี้เหมือนกัน พยายามหารูปมาให้ดู แต่หายากเหลือเกิน
โปสเตอร์หนังอีกแบบ ดูๆไปก็สวยดีแฮะ
มาถึงตอนนี้เหล่าฮีโร่ทั้งหลาย (ยกเว้น Hawkeyes) ก็ได้มาอยู่รวมกันสักที แต่ยังครับ ยังไม่เป็นทีม อย่างที่บอกข้างต้น ต่างคนต่างมีอัตตามีปมเป็นของตนเอง ความเห็นส่วนตัวผมก็มีดังนี้
กัปตัน - พี่แกตรงเป๊ะแบบทหารสุดๆ เป็นพวกไม่มีความยืดหยุ่นอะไรเลย (ออกแนวไม่ค่อยมีความคิดเป็นของตัวเอง) เจ้านายสั่งอะไรก็ทำตามตลอด
เฮียโท - ผมว่าในเรื่องนี้เฮียโทฮาสุดแล้ว ยังคงนิสัยเกรียนไว้ได้ราวกับเกลือรักษาความเค็ม เฮียแกยังอัตตาสูงในเรื่องความรวย ความเก่งของตัวเอง แล้วยังเป็นพวกเอาแต่ใจตัวเองม้ากมากเหมือนเดิม
พี่ธอร์ - จริงๆแล้วในเรื่องจะมีบทบาทสูงสุดตอนออกมาลุย แต่บทดราม่าไม่ค่อยมี เป็นพวกแนวเฉยๆ แต่ติดเห็นแก่ตัวเล็กน้อย มีบทฮาๆอยู่นิดหน่อย
ดร. - ออกแนวเด็กเก็บกด ด้วยพอแปลงร่างเป็น Hulk เมื่อไร วินาศสันตะโรเมื่อนั้น เลยกลัวที่จะยอมรับตัวตนอีกร่าง ตอนจบเฉลยวิธีควบคุมความโกรธได้กระแทกใจม้ากกก
น้องนา - เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม คือผมไม่เคยดู comics เรื่องนี้หรอกเลยไม่รู้ประวัติ แต่เหมือนจะมีปมเขื่องๆอยู่ในใจน้องนาคนนี้อยู่แยะ มารยาแยะที่สุดในบรรดาฮีโร่ทุกคน คิดดูขนาดโลกิยังโดนน้องนาหลอกซะหัวปั่น
ผอ.ตาเดียว - ผอ.นิค ฟิวรี่ ผมว่านะแกเป็นคนที่ค่อนข้างเลือดเย็นทีเดียว เพื่อจุดมุ่งหมายของตนเองแล้ว ลุงแกไม่สนวิธีการใดๆทั้งสิ้นเลยทีเดียวเชียว (ออกแนวโจรกว่าโลกิอีกง่า)
โลกิ - คนนี้เป็นตัวร้าย แต่ก็ขอเม้าท์มอยสักหน่อย โลกินี่นิสัยเหมือนเด็กๆที่พ่อแม่ตามใจจนเสียคน จริงๆแล้วพลังความสามารถไม่ได้มีอะไรเลย แต่ที่เก่งที่สุดคือการปั่นหัวเป่าหูหลอกล่อให้ด้านมืดของแต่ละคนเปิดเผยออกมา
โลกิตอนโดนจับ?? ผมว่ายอมให้จับมากกว่า เข้ามาขังไว้ที่ฐาน

เมื่อจับตัวโลกิมาได้ ผอ.ตาเดียว ก็ใส่โลกิเข้าไปในห้องกระจกโดยขู่ว่าถ้างอแงงี่เง่าจะปล่อยห้องกระจกนี้ให้ร่วงหล่นลงพื้นโลกจากความสูง 30,000 ฟิต โอ้ววววว น้องๆเพดานบิน Boeing 747 เลยง่ะ

แต่ก็อย่างที่บอก ความเจ๋งของโลกิไม่เหมือนเหล่าฮีโร่บ้าพลัง แต่เป็นความสามารถในการป่วนคนมากกว่า อ้อ แล้วอีกอย่างผมว่าในเรื่องนี้โลกิฉลาดมากที่สุดเลยนะ เขาสามารถวางแผนได้หลายขั้นมากเลย สงสัยชอบเล่นหมากรุกแฮะ

โลกิพยายามปั่นหัวคนโน้นคนนี้ จนเหล่าฮีโร่มาดแมนสุดมั่นทั้งหลายหลงกล แทบจะตีกันอยู่แล้ว (เพราะแต่ละคนอัตตา+ความกวนสูงเหลือเกิ้น) แต่เหนือบุรุษก็คือสตรีนั่นเอง โลกิโดนมารยาหญิงของน้องนาเข้าไปจนเผลอหลุดออกมาว่า การยอมโดนจับมาเนี่ยเพราะต้องการยั่วให้ดร.สติแตกแล้วกลายร่างเป็น Hulk อาละวาดป่วนในยานฐานทัพ และที่สำคัญกรงขังโลกิจริงๆแล้วมีไว้ขังดร.ต่างหากเล่า
ช่วงทะเลาะเบาะแว้ง เอ้ย ประชุมกันในฐาน สีฟ้าๆคือคฑาที่ยึด
มาจากโลกิ ที่โลกิได้มาจากใครก็ไม่รู้ต้นเรื่อง
เรื่องราวช่วงนี้ออกแนวดราม่าบวกกับสอบสวน หุๆๆๆ แต่ในที่สุดบรรดาสมุนของโลกินำโดย Hawkeyes ที่ถูกครอบงำตั้งแต่ต้นเรื่อง (หมอนี่เก่งจริงไรจริง ปฏิบัติภาระกิจสำเร็จทุกครั้งเลย) ก็บุกฐานเพื่อเข้ามาช่วยโลกิ แล้วอย่างที่บอก สำเร็จด้วยแถมพังยานไปแถบนึงเลย  (ธนูพี่แกเทพมาก ชอบจริงๆ มีเปลี่ยนหัวได้ด้วยยังกับมดเอ็กซ์วี 9 เปลี่ยนถุงมือ อ๊ะ อะไรนะ ไม่รู้จักเรอะ หุๆๆๆๆ ไปหาดูเอาในกูเกิ้ลแล้วกัน)
จนท.ฟิล กับพี่ธอร์

จริงๆแล้วแผนของโลกิก็สำเร็จนะ ดร.ก็แปลงกายเป็นยักษ์เขียวไล่จับน้องนาซะยานพังไปอีกแถบ 5555 จุดผลิกผันของบรรดาเหล่าฮีโร่ก็คือการตายของจนท.ฟิล และการปั่นเล็กๆน้อยๆของผอ.ตาเดียวทำให้ความสามัคคีบังเกิดขึ้นกับเหล่าฮีโร่ จากที่กัปตันและเฮียโทเกาเหลากัน ก็มาร่วมมือกันซ่อมเครื่องยนต์ของยาน พี่ธอร์ก็ไล่ตามเตะตูดโลกิ แต่ดร.กลายร่างไล่จับน้องนาซะงั้น 5555



ในที่สุดโลกิก็หนีไปได้ เฮียโทกับกัปตันก็ซ่อมยานสำเร็จ Hawkeyes ก็กลับมามีสติดังเดิม (เพราะน้องนาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ สองคนนี้มีซัมติงกันแหงมๆ) ซวยสุดก็ดร. กระเด็นตกยานไป พร้อมๆพี่ธอร์ เมื่อโลกิหนีไปได้แล้วนักฟิสิกส์ก็ประดิษฐ์เครื่องเจาะมิติ (ผมตั้งชื่อเองแหละ) จากลูกบาศ์กได้สำเร็จ คราวนี้โลกิเลยเปิดประตูมิตินำนักรบจากต่างดาวเข้ามา แต่ดูเหมือนนักรบเหล่านี้ไม่ค่อยจะเชื่อโลกินัก

ตอนที่เฮียโทเข้าไปกวนประสาทโลกิ ฮาดีตอนนี้
โลกิเลือกโลเกชั่นในการตั้งเครื่องเจาะมิติบนตึกของเฮียโทซะด้วย ล้วงคองูเขียว เหยียบจมูกกันชัดๆ เฮียโทเลยถือโอกาสไปเปลี่ยนชุดเกราะใหม่ๆ พร้อมกับไปยียวนกวนประสาทโลกิ

เมื่อบรรดานักรบจากต่างดาวเข้ามาลุยโลกแล้ว บรรดาฮีโร่จะอยู่เฉยได้อย่างไร ทุกคนเลยเข้ามารวมตัวกันเพื่อจะซัดกับเหล่าร้าย แม้แต่ดร.ยังขี่มอเตอร์ไซค์ฮ่างกลับมาร่วมแจมด้วย จึงเป็นจุดกำเนิดของรูปเท่ห์ๆข้างล่างนี้

รวมพลเหล่าฮีโร่ ต่อกรกับนักรับจากต่างดาว (หรือมิติหว่า)
ที่เหลือก็คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากมาย ก็สู้กันอย่างเมามันส์ และธรรมะย่อมชนะอธรรม อ้าว ชนะไงล่ะ อันนี้ต้องไปชมเองเพื่ออรรถรสสูงสุด ตอนท้ายพี่ธอร์ก็พาน้องโลกิกลับแอสการ์ดไปตีตูดแปะๆลงโทษพร้อมกับนำลูกบาศ์กชื่อเรียกยากกลับไปด้วย แต่บรรดาฮีโร่กลับซวยเพราะนักการเมือง (จริงๆ ไม่ได้โม้) โบ้ยความผิดที่พังเมืองเป็นแถบๆให้ แต่ฮีโร่ก็คือฮีโร่แหละครับ ทองแท้ไม่กลัวไฟ โดนนักการเมืองป้ายขี้ให้ยังไง แต่ชาวบ้านก็ยังซูฮกอยู่ดี

เก็บตกจากหนัง

เฮียโทตอนลุยกับพวกกีกี้ต่างดาว รูด้านบนคือประตูมิติพิศวง
หนังเรื่องนี้บทดีกว่าที่ผมคาดไว้ตอนแรก แม้ว่าจะเดินเรื่องไปแนวเส้นตรง แบบมีตัวร้าย ฮีโร่เข้ามารวมตัว งัดข้อกันนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ร่วมมือกันตบเกรียนผู้ร้ายอะไรทำนองนี้ แต่ในตัวหนังมีเรื่องของความรู้สึก อารมณ์ (แต่ไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร หุๆๆ) ของแต่ละตัวละครเข้ามา มีการวางแผน (เอาจริงๆนะ ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไรง่ะ ดูมันวางแผนไว้เป๊ะๆไปหน่อย) ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าหนังมันแนวอ่ะ ถึงแม้จะพอเดาเรื่องราวได้ก็ไม่ได้ขัดเขินอะไร

และส่วนที่ช่วยชูรสให้หนังเรื่องนี้สนุกยิ่งขี้นก็น่าจะเป็นส่วนตลกฮาๆของบรรดาฮีโร่ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นนิสัยของตัวละคร ความกวนตีง และความเปิ่นๆบางอย่าง ผมว่าทำให้หนังเรื่องนี้สนุกน่าดูขึ้นอีกหลายกิโลขีดทีเดียวเชียวแหละ

ส่วนฉากบู๊ล้างผลาญอลังการงานสร้างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นจุดขายของเรื่องนี้ ฉากบู๊มีหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างฮีโร่ช่วงเกาเหลากัน ช่วงอัดกับผู้ร้าย ซึ่งฉากบู๊จะมีมาเป็นระยะๆ ไม่ให้คนดูผิดหวังกับความซาดิสต์ หุๆๆๆๆ

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ดูหนังเอาสนุกไม่ได้ดูสารคดีอะไร มีส่วนที่ผิดๆถูกๆบ้างในเชิงเทกนิกวิศวกรรม อย่าไปถือสา เอามันส์ครับ เอามันส์ไว้ก่อน

ช่่วงบ่นไปเรื่อย

โฉมหน้าพวกกีกี้ เอ้ยนักรบต่างดาว หุๆๆๆ
ผมเชื่อว่าเมื่อทุกคนดูหนังเรื่องนี้แล้วย่อมมีความรู้สึกว่าใครเก่งที่สุดในบรรดาฮีโร่นักตบเกรียน ส่วนตัวผมแล้วผมว่าพี่ยักษ์เขียว Hulk อ่ะ พี่แกลุยอาละวาดซะนักรบต่างมิติกระเจิงไปเลย แถมไม่ว่าจะโดนยิงโดนทุบ ตกจากฟ้า ท้ามหาสมุทรอะไรก็ไม่ตาย เทพม้ากกกกก และที่เทพที่สุดพี่แกต่อยทีเดียวหยุดปลาไหลเหล็กได้สนิทใจเลย ฉากนี้เวอร์สุดๆจริงๆ แต่ดร.ก็เป็นคนที่ดูนิ่มที่สุดอ่ะ เหมือนกับจะสื่อถึงความสุดขั้วระหว่างดร.กับพี่ยักษ์เขียว

ปลาไหลเหล็กยักษ์ พังตึกได้เป็นหลัง แต่เจอพี่ยักษ์เขียวซัด
ทีเดียว กลายเป็นปลาไหลต้มเปรตไปเลย
แต่คนที่เท่ห์ที่สุดกลับกลายเป็นเฮียโทอ่ะในความคิดผม เพราะพี่แกเอาจรวดนิวเคลียร์ไประเบิดยานแม่ของพวกต่างดาว (หรือต่างมิติหว่า) แบบอุ้มเอาไปปล่อยเลย ฉากนี้ได้ใจในความเสียสละแบบเท่ห์ไปเต็มๆ คือปกติแล้วเฮียโทเค้าเป็นพวกค่อนข้างเห็นแก่ตัวเอาแต่ใจตัวไรประมาณนี้ แต่งวดนี้ถึงขั้นเสียสละชีวิตตัวเอง น่าสะท้อนใจอยู่อย่างนึงคือตอนที่เฮียแกตัดสินใจอุ้มจรวดนั้น ก็สั่งให้จาวิส (คอมสุดล้ำของเฮียแกนั่นแหละ) ติดต่อแฟนแกเป็นครั้งสุดท้าย แต่เจ๊แกมัวแต่ลุ้นอยู่ในทีวีบนเครื่องบินส่วนตัว (ไฮโซหลาย) ไม่ได้ยินเสียงมือถือซะงั้นแล้วเฮียโททำหน้าผิดหวังเสียใจเพราะทำอะไรไม่ดีไว้กับเจ๊แกเยอะ (ขนาดแฟนตัวเองยังเอาเปรียบเลยอ่ะ ตอนต้นเรื่อง) เฮ้ออออ ช่วงอยู่ด้วยกันก็รักษาน้ำใจกัน รักกันไว้ให้มากๆ เวลาจะต้องจากกันจะได้ไม่เสียใจ ไม่มีอะไรค้างคาติดอยู่ในใจเน้อ

ดูกันอีกรูป เป็นเฮียโทกำลังหนีปลาไหลอยู่ 
จัดให้กัปตันเท่ห์สักดอก
ส่วนกัปตันจริงๆแล้วเหมือนจะมีบทบาทในบทผู้นำ แสดงออกมาอยู่ช่วงที่สั่งการให้บรรดาฮีโร่ทั้งหลายทำหน้าที่และประจำจุดต่างๆ แต่ผมว่ามันเป็นช่วงเดียวจริงๆที่กัปตันแสดงความเก๋าในเชิงนี้ออกมา นอกนั้นแล้วกัปตันค่อนข้างเป็นคนทึ่มๆง่ะ รับคำสั่งอย่างเดียวจากผอ.ตาเดียวแล้วไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น (ไม่เหมือนคนอื่นเถียงกระเจิง 555)  แฟนๆกัปตันอย่าด่าผมนะ ผมแค่คิดเฉยๆ ฟิ้วววววว แต่ข้อดีของกัปตันอีกข้อคือผมว่าอัตตาแกน้อยที่สุดแล้ว (ยกเว้น Hawkeyes กับน้องนา ทำไมอ่ะเหรอ เพราะสองคนนี้เขาเป็นจนท.ไง ต้องรับคำสั่งอยู่แล้ว)

จริงๆแล้วน่าสงสารที่สุดผมว่าเป็นโลกิอ่ะ นอกจากโดนสหบาทารุมตบเกรียนแล้ว ยังมีพลังน้อยนิดเทียบกับบรรดาฮีโร่ทั้งหลาย ทำให้ต้องหาอะไรมาลดปมด้อยของตัวเอง จะเห็นจากเรื่องโลกิเน้นเปิดตัวแบบอลังการเพื่อเรียกร้องความสนใจเหมือนเด็กมีปัญหาไรประมาณนั้น ต้องการเป็นราชาเพื่อให้คนยอมรับ แม้จะต้องยอมแลกอะไรโลกิก็จะทำ เฮ้อออ สรุปเกรียนแบบมีปม น่าสงสาร

พี่ธอร์กับกัปตัน ตอนลุยกับพวกกีกี้ คาดว่ากำลังตะลึงกับ
ปลาไหลเหล็กอยู่ (จำไม่ค่อยได้แล้ว)
ในเรื่องนี้พี่ธอร์เหมือนจะโผล่ออกมาบ่อยๆเรื่อยๆ แต่ผมว่านะบทพูดแกน้อยไปหน่อย (บางคนว่ามันแยะแล้วนะ แต่ผมเทียบกับกัปตัน เฮียโท ดร. หรือแม้แต่น้องนา) ทำให้ดูเหมือนแกไม่ค่อยมีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นของเรื่องสักเท่าไร ยกเว้นตอนทะเลาะกับเฮียโท หุๆๆๆๆ ช่วงนั้นพูดมากหน่อย มีปล่อยมุขเล็กน้อยพอให้ได้ขำ แต่พี่ธอร์แกมีข้อดีอยู่อย่างนึงคือแกเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อๆ ไปตรงๆ ไม่ค่อยพริ้วเท่าไร ออกแนวคล้ายๆกัปตัน เน้นบทลุยซะเป็นส่วนใหญ่


น้องนากับHawkeyes ตอนที่Hawkeyes กลับมาเป็นพวกแล้ว
ทำไมเห็นแต่หน้าน้องนา อ้าว ก็ผมอยากเห็นสาวๆนินา 555
ส่วนน้องนากับ Hawkeyes จริงๆแล้วผมไม่อยากนับเป็น Super Hero อะไรกับเขาเลย คือสองคนนี้เก่งไหม เก่งแน่นอนครับ แต่อยู่ในระดับคนเก่งๆเท่านั้น ไม่เทพเหมือนสี่คนนั้น โดยในเรื่อง Hawkeyes มีบทบาทในฝั่งฮีโร่ค่อนข้างน้อย แต่เป็นตัวสำคัญตอนอยู่ฝ่ายโลกิ (ซะงั้น) คิดดูสิเป็นคนเดียวที่ผมเรียกเต็มยศ เพราะบทน้อยจนขี้เกียจคิดนิคเนม ส่วนน้องนาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวหลักในการเดินเรื่องคนนึงเลยทีเดียว เกือบจะทุกเหตุการณ์ต้องมีน้องนาไปแจม แต่ความเก่งกาจแล้วผมว่า Hawkeyes ยังเก่งกว่าอยู่ครึ่งช่วงตัวนะ

และที่ลืมไม่ได้เลยคือผอ.ตาเดียว ถ้าผู้ร้ายจริงๆในเรื่องนี้ผมยกให้แกจริงๆนะ คือแกโหดมากถ้าเพื่อเป้าหมายแล้วแกไม่เลือกวิธีเลยจริงๆ แต่ส่วนดีแกก็มีอยู่คือแกยึดมั่นในหลักการที่แกเชื่อ พวกยอมหักไม่ยอมงออะไรประมาณนั้น
ผอ.ตาเดียวกำลังยิงเครื่องบินที่ลูกน้องขัดคำสั่่ง โหดป่ะ
(แต่ตัวเองก็ขัดคำสั่งเหมือนกันแหละ 5555)
สรุป

ตัวละครแต่ละตัวมีมิติที่แตกต่างกัน แต่มีจุดเหมือนกันตรงที่มีทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้สนุกขึ้นและไม่น่าเบื่อ เพราะถ้าหนังฮีโร่ที่เก่งกาจ แสนดี ไร้จุดด่างพร้อย คงไม่สนุกเท่าไร จริงไหมครับ

เอนทรี่นี้ผมเริ่มเขียนตั้งแต่วันที่ 5 เสร็จวันที่ 7 รายละเอียดอาจจะตกๆหล่นๆไปบ้าง เพราะเริ่มลืมแล้ว 555 ที่เขียนช้าเพราะช่วงนี้โซแซด ถ้าให้อินให้ลองไปอ่านกลอนในเอนทรี่วันที่4 จะอินอย่างแรง อ้าว บ่นเรื่องตัวเองซะงั้น และก็มีเพื่อนๆบอกว่าผมเขียนยาวไป ขี้เกียจอ่าน ก็เลยพยายามเขียนให้มันรวบรัดขึ้น เข้าช่วงสรุปเลยดีกว่า

หนังเรื่องนี้ในความรู้สึกผม ผมคิดว่า
"สนู้กสนุก"
ดูซ้ำได้ถ้ามีตังค์ เพราะตั๋วหนังแพงเหลือเกินอ่ะ ผมดูแบบ 2D ที่เมเจอร์เอกมัยเป็นโรงแพลทตินั่มอะไรสักอย่าง (เพราะมันมีรอบเวลาที่พอดี) ดูหนังคนเดียวเสียตังค์ 220 บาท โอ้ว พระเจ้าจอร์จมันแพงมาก สงสัยต้องโทษรัฐบาลซะแล้ว หุๆๆๆๆๆ

Credit 
รูปภาพจาก Internet
http://www.majorcineplex.com
http://www.beyondhollywood.com/
http://www.forbes.com/
http://jediyuth.wordpress.com/
http://charthree.wordpress.com/
http://movie.thaiza.com
http://cinema.theiapolis.com/movie-2ROG/the-avengers/gallery/ เวปนี้รูปเยอะมาก ขอบอก
www.youtube.com

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

กลอนอกหัก

๏ ในที่สุด เวลานี้ ก็มาถึง
วันที่ซึ่ง เธอกับฉัน ต้องลาจาก
สุดทางแล้ว สองเรา จำต้องพราก
มันแสนยาก จะทำใจ ได้แค่ทน
๏ ไม่ได้โกรธ ไม่ได้โทษ ทางเลือกเธอ
อยากพร่ำเพ้อ ถึงตอนรัก ยามสุขสม
คงเป็นได้ เพียงความหลัง ฝังใจจม
ความช้ำตรม มาแทนที่ ความสุขใจ
๏ หมดสิทธิ์แล้ว แม้อยากคิด คนึงหา
หมดสิทธิ์พา นวลน้อง ออกไปไหน
หมดสิทธิ์ถาม แม้นเธอ อยู่กับใคร
หมดสิทธิ์ไป ยืนเคียงข้าง ยามทุกข์ทน
๏ พยายาม เต็มที่ แค่นี้หนอ
แต่ไม่พอ ที่ต้องการ แสนขัดสน
ที่ฉันทำ ที่ฉันเดิน มันยากจน
จะหาคน เข้าใจ คงไม่มี
๏ แต่อย่างน้อย ก่อนจะจาก บอกยังรัก
อยากจะพัก ที่สุดท้าย กับเธอนี้
อยากจะกอด เธอไว้ ทุกนาที
ขอบคุณที่ เคยรักกัน เกื้อหนุนมา
๏ อยากขอบคุณ สำหรับ ทุกสิ่งอย่าง
ล่วงเกินบ้าง ก็อย่าคิด อย่าถือสา
จากนี้ไป คงไร้เสียง จำนรรจา
สิ่งใดคา ค้างในใจ หมดสิทธิ์คืน



ขอเวิ่นเว้อในบล็อกนิดนึง ไว้พรุ่งนี้จะไปดู The Avengers คนเดียว ฉลองอกหัก กระซิกๆ แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังเหมือนเดิมนะ

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ไปดูหนัง แล้วมาบ่น TopGun

โปสเตอร์หนัง


29 เมษายน 2555 03:30
วันสองวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายกับผม ทั้งเครียดทั้งเสียใจ ไม่รู้ทำไงกินเบียร์ดีกว่า 5555 (เด็กดีไม่ควรทำตาม) แต่ก็ทำให้ผมได้นั่งดูหนังเรื่องหนึ่ง ที่ร้านที่ผมไปนั่งกินเบียร์ ถ้าวันเสาร์มีใครเห็นไอ้บ้าคนหนึ่งนั่งกินเบียร์ดูหนังคนเดียว ไอ้นั่นแหละผมล่ะ หุๆ เป็นหนังที่ไม่ได้ดูน้านนานมากแล้ว นั่นก็คือเรื่อง TopGun นั่นเอง

ไม่ได้เป็นหนังแผ่นหนังในเคเบิ้ลอะไรหรอก แต่ TPBS เอามาฉายตอนสี่ทุ่ม เพิ่งทราบเหมือนกันว่าช่องนี้มีหนังมาฉายด้วย แหล่มจริงๆ

บ่นเรื่องส่วนตัวมามากแล้ว มาเข้าสู่ตัวหนังสักทีดีกว่า และอย่างเคยครับ มีการเปิดเผยเนื้อหาแบบไม่มียั้ง (หรือที่เขาเรียกว่าสปอยสุดๆ) ถ้ากลัวว่าได้ดูหนังแล้วจะเสียอรรถรส ให้ปิดได้เลยครับ แต่ผมว่าแทบทุกคนคงได้ดูมาแล้วแหละ หุๆๆๆ

Top Gun เป็นหนังเกี่ยวกับเครื่องบินรบ ไม่เชื่อดูจากโปสเตอร์สิ ออกฉายเมื่อปี 2529 นานมาแล้วใช่ไหมล่ะ พระเอกทอม ครุยส์ยังเอาะๆอยู่เลย นางเอกของเีรื่องคือ เคลลี่ แมคกินลิส (ได้ข่าวว่าชีเป็นพวกเล่นดนตรีไทยด้วยง่า) หนังเรื่องนี้สร้างปรากฎการณ์หลายอย่าง เพราะในหนังมัน "เท่ห์มาก" คงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครที่ได้ชมอยากเป็นนักบินรบกันเป็นแถบๆ ไม่เชื่อลองดูรูปพระเอกเราสิ

มาเวอริค พระเอกของเรื่อง เท่ห์ใช่ไหมล่ะ
เริ่มเรื่องที่เรือบรรทุกเครื่องบิน(ในดวงใจของผม) USS Enterprise ที่ลอยตุ๊บป่องอยู่มหาสมุทรอินเดีย (แถวไหนไม่รู้) เปิดตัวมาก็เท่ห์นำไว้ก่อนเลย เป็นภาพแสดงให้เห็นถึงปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ก็คล้ายๆกับในหนังสารคดีช่อง Discovery แหละครับ ความรู้สึกส่วนตัวแล้วหนังเรื่องนี้เน้นความเท่ห์แทบตลอดเรื่อง จริงๆนะ ใครที่ได้ดูแล้วแล้วไม่เห็นว่ามันเท่ห์ตรงไหน ผมให้เตะ........กำแพงข้างบ้านเลย 55555

แล้วเรดาห์ของหอบังคับการก็จับเครื่องบินไม่ปรากฎสัญชาติได้จึงได้สั่งการให้เครื่องบิน 2 ลำที่ออกลาดตระเวนอยู่ตอนนั้นไปดูหน่อยสิ แน่นอนหนึ่งในนั้นต้องเป็นพระเอกของเรานั่นเอง ใจจริงแล้วอยากเก็บไปอธิบายตอนท้าย แต่เพื่อให้เข้าใจในลักษณะของเครื่องบินรบในเรื่อง จึงยกมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยตอนนี้ก่อน

F-14 Tomcat ตัวเอกของเรา
 โดยส่วนตัวแล้วเป็นเครื่องรุ่นหนึ่งที่ผมชอบมาก
เครื่องบินตัวเอกในเรื่องคือเครื่องบินขับไล่รุ่น F-14 Tomcat เป็นเครื่องบินที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้บนเรือบรรทุกเครื่องบิน เจ้าเครื่องF-14 นี่จะใช้นักบินสองคน จริงๆแล้วคนขับจะมีคนเดียว (ก็คือคนนั่งหน้า) ส่วนคนนั่งหลังเรียกว่า Radar Interceptor Officer คล้ายกับเป็นคู่หูคอยช่วยเหลือนักบิน คือสมัยก่อนเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ยังไม่ล้ำเหมือนตอนนี้ เครื่องบินหลังๆจึงใช้คอมพิวเตอร์ช่วยเหลือนักบินแทนคน เครื่องบินรุ่นใหม่ๆจึงใช้นักบินคนเดียว (เครื่องบินรบนะ เครื่องพาณิชย์ จาก 3 คน เหลือ 2 คน ตัด Flight Engineer ออกไปใช้คอมแทน) 


กลับเข้ามาสู่หนังของเราสักทีออกทะเลไปนิดหน่อยแล้ว พระเอกของเรา "มาเวอริค" มีคู่หูคือ "กูส" (ทั้งสองชื่อไม่ใช่ชื่อจริงของเขานะ เป็น Call Sign ประมาณว่ารหัสเรียกนั่นแหละ) ส่วนอีกลำหนึ่งมี "คูการ์" (ไม่ใช่ลูกอมนะ) กับคู่หูคนหนึ่ง (ผมจำชื่อไม่ได้จริงๆ) เมื่อทั้งสองลำไปถึงที่หมายก็พบกับ "มิค-28" อันเป็นเครื่องลำเก่งของทางโซเวียตคู่ปรับอเมริกานั่นเอง และเครื่องมิค-28 ก็มาสองลำเช่นกัน ทางฝ่ายพระเอกเราก็ได้รับคำสั่งให้ไล่เครื่องมิคออกไปซะ และแล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ค่อยเหมือนการต่อสู้สักเท่าไร ทำไมเหรอ เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน หุๆๆๆๆ

เครื่องมิคลำหนึ่งล็อคเป้าเครื่องของคูการ์ได้ คือเหมือนกับจะยิงมิสไซด์ใส่ได้ แต่เครื่องมิคก็ไม่ยิง ทีนี้คูการ์ก็รู้ตัวเองว่าถ้าเครื่องมิคเอาจริงล่ะก็เดี้ยงไปแล้ว ส่วนพระเอกของเราก็ไล่เครื่องมิคไปด้วยด้วยการบินกลับหัว?? แบบคานูปี้แนบคานูปี้ (คานูปี้ก็คือไอ้ครอบแก้วที่ครอบนักบินนั่นแหละ) แล้วดันยกกล้องไปถ่ายนักบินเครื่องมิึคเสียอีก คราวนี้เครื่องมิคก็เลยยอมแพ้บินกลับไป เครื่อง F-14 ทั้งสองลำน้ำมันก็ใกล้หมดแล้วจึงได้รับคำสั่งให้บินกลับเรือ ก็เหมือนจะไม่มีอะไรเครื่องของมาเวอริคก็กำลังจะบินถึงเรือแล้ว แต่อีตาคูการ์กลับสติแตก ผมคิดว่าคือเหมือนตัวเองกลัวสุดขีดเพราะเฉียดตายเลยสติแตก พอคูการ์สติแตกแล้วก็บังคับเครื่องไม่ไหว ได้แต่มองรูปลูกเมีย (เกี่ยวไรไหมเนี่ย จริงๆกลัวตายกลัวไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียก็ต้องรีบกลับเรือสิเนอะ) 

สัญญลักษณ์ของ TOPGUN Program
มาเวอริคก็เลยฝ่าฝืนคำสั่งให้ลงจอดกลับไปช่วย?? โดยการไปเตือนสติคูการ์และบินนำกลับมายังเรือสำเร็จ แต่ก็ต้องโดน ผบ.เรียกไปด่าเพราะฝ่าฝืนคำสั่ง ถึงอย่างไรก็ตาม ผบ.ก็เลือกให้ทั้งมาเวอริคและกูสเข้าร่วมการฝึกที่ Miramar เรียกว่า TOPGUN นั่นเอง (ยอมรับช่วงนี้สับสน หรือตอนดูเริ่มเมาเบียร์แล้วหว่า) โดยจริงๆแล้ว ผบ.จะส่งคูการ์ไปแต่คูการ์แต๋วแตกขอถอนตัวไปแล้ว โดยคนที่จะไปฝึกที่ TOPGUN ได้นั้นต้องเป็นนักบินที่สุดยอด เพื่อไปฝึกให้สุดยอดยิ่งกว่า โดยครูฝึกที่สุดยอดที่สุด 5555 ในหนังเขาว่าไว้อย่างนั้นจริงๆ โดยผบ.ไม่ค่อยอยากส่งทั้งคู่ไปเพราะไปก่อนเรื่องมากมาย มาเวอริคโดนปลดออกจากผู้ฝูงสามหน (โดยผบ.คนนี้แหละ สองหน อีกหนเหมือนจะเป็นเรื่องสาวๆ หุๆๆ) สรุปพี่มาของเรานี่เป็นแว้นเครื่องF นั่นเอง 55555

พอเริ่มต้นชั้นเรียนทุกคนก็ได้รับการแนะนำให้รู้จัก Viper ที่เป็นผอ.ในการฝึก เรียกง่ายๆว่าครูใหญ่นั่นแหละ โดยลุง Viper นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักบินที่เก่งที่สุดในปฐพีอะไรเทือกนี้ (สุดยอดไหม) โดยลุงไวเปอร์ได้บอกว่าใครที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งจะได้รับการจารึกชื่อไว้ในชั้น TOPGUN แล้วก็ยังได้กลับมาเป็นครูฝึกได้อีกด้วย พี่นักบินแว้นของเราก็ได้พบกัน ICEMAN ที่เป็นคู่แข่งในชั้นเรียน โดยที่พี่ไอซ์ของเรานี่ก็ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในชั้นเหมือนกัน คราวนี้เสือสองตัวอยู่ในถ้าเดียวกันเสียแล้วล่ะพี่น้อง

ชาร์ลี นางเอกของเรื่อง (หาภาพยากกว่าพี่ทอมแยะ)
ตัดฉับมาที่บาร์ คราวนี้คู่พระนางได้เจอกันเสียที โดยพี่มากับพี่กูสไปกินเบียร์กันแล้วมีการปะทะคารมเล็กน้อยกับพี่ไอซ์ หลังจากแยกย้ายกันไป (ตอนแรกนึกว่าจะมีต่อยกันเสียอีก) พี่มาเราก็ไปปิ๊งกับนางเอกของเรื่อง น้องนางชื่อ "ชาร์ลี" (ชื่อเหมือนผู้ชายเนอะ) หลังจากร้องเพลงจีบสาวเรียบร้อยแล้วปรากฎว่าชีมากับหนุ่ม (ที่ในเรื่องแก่) อีกคน พระเอกแว้นของเราก็ยังตามไปสีต่อในห้องน้ำหญิง แต่ก็คงสร้างความประทับใจในความห่ามได้พอสมควร หุๆๆ

พอเริ่มชั้นเรียนปรากฎว่าน้องชาร์ลีของเรากลับกลายมาเป็นหนึ่งในครูฝึกที่เป็นพลเรือนเสียด้วย พี่มาเราเลยงานเข้าเล็กน้อยพอเป็นพิธีแค่นั้นแหละ

การฝึกก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆมาเรียงๆ ได้ดูพี่มาขับเครื่องบินบินไปมาอย่างเท่ห์ แต่ก็ยังแว้นเครื่องF จนสร้างเรื่องจนได้ คือไปแหกกฎห้ามบินต่ำกว่า 10,000 ฟิตคือพี่แกต้องบินฝึกสู้รบโดยไล่ตามครูฝึกคนหนึ่ง เลาๆว่าชื่อเจสเตอร์ ไล่ตามกันเพลินไปหน่อยเลยแหกกฎ แต่พี่มาของเราก็ตามไปยิงโดยการ "ล็อคเป้า" ซึ่งก็เหมือนตอนต้นเรื่องแหละครับ ใครโดนล็อคเป้าถือว่าแพ้อะไรทำนองนี้ แล้วยังไม่พอไปแว้นใส่หอบังคับการบินอีก โดยหอบอกว่าลงไม่ได้ที่จอดหรือรันเวย์เต็มอะไรสักอย่าง พี่มาแกเลยแกล้งบินผ่านหอ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเด็กแว้นบิดให้เสียงดังๆเวลาวิ่งผ่านหน้าร้านขายของชำประมาณนั้น ลุงไวเปอร์เราก็เลยต้องเรียกพี่มาเข้าห้องเย็นอบรมสักหน่อย แล้วก็เปิดเผยเรื่องพ่อของพี่มาเล็กน้อย คือพ่อของพี่มาก็เป็นนักบินรบสมัียสงครามเวียดนาม แล้วแกขับ F4 ออกไปแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย นี่ก็เลยกลายเป็นปมของพี่มาส่วนหนึ่งที่ทำอะไรต้องห่ามๆแว้นๆ (ยอมรับเลยว่าดูจบแล้วก็ยังไม่เห็นความเชื่อมโยงความแว้นกับเรื่องพ่อของพี่มาเลย จริงๆ)

แล้วพระเอกกับนางเอกก็สานสัมพันธ์รักกันไปเรื่อยๆ โดยการให้พี่มามาหาชาร์ลีที่บ้านบ้าง ให้หักหน้ากันในชั้นเรียนบ้างจนพี่มาของเราโมโหแว้นรถเครื่อง (อย่างเท่ห์บอกแล้วเรื่องนี้เน้นความเท่เก๋ไก๋ชไนเดอร์) ออกไป แต่เจ้ชาร์ลีก็ไม่น้อยหน้าซิ่งรถเปิดประทุนตามไป จนได้ปรับความเข้่าใจแล้วก็ได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข เอ้ยไม่ใช่ นี่ไม่ใช่นิทานก่อนนอนคุณหนูนะ หุๆๆ แล้วก็มีการเปิดตัวครอบครัวสุขสันต์ของพี่กูส เนื้อเรื่องช่วงนี้เหมือนปูบรรยากาศอันสงบสุข ความรักความผูกพัีนของคนสองคนที่ต้องร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในเวลาขึ้นบินด้วยกัน เพราะพี่มาเคยบอกกับพี่กูสว่า นายเป็นครอบครัวของฉันที่เหลือเพียงคนเดียว (ทำให้รู้ว่าพี่มาเราอยู่คนเดียว)

พี่กูสกับพี่มา สองคู่หูขาแว้นเครื่องF ตอนตั้งใจเรียน
จุดหักเหของเรื่องก็มาจากการฝึกวันหนึ่ง พี่มากับพี่กูสคู่หูก็ออกฝึกตามปกติร่วมกับตาไอซ์แมน 
มันก็ไม่มีอะไรหรอกในตอนแรก ก็เหมือนทุกครั้งที่จะต้องทำอะไรห่ามๆ แต่งวดนี้เกิดปัญหาขึ้นกับเครื่องของพี่มาและพี่กูส คือเครื่องยนต์หมายเลขหนึ่งเกิดมีปัญหาหมดไฟดับไปดื้อๆ (นี่ฮาเล็กน้อยตรงที่ในหนังบอกเครื่องยนต์หนึ่ง แต่ภาพกลับเป็นเครื่องยนต์สอง เครื่องยนต์หนึ่งอยู่ซ้ายนะจ๊ะ ผู้กินกับ) แล้วเครื่องยนต์อีกเครื่องก็ดับตามมา ทำให้เครื่อง F14 ของทั้งคู่หมุนติ้วเป็นลูกข่างร่วงมาจากฟ้าสุราลัยมุ่งตรงไปสู่นทีเบื้องล่าง พี่มาไม่สามารถบังคับเครื่องได้จึงบอกให้พี่กูสทำการดีดตัวออกจากเครื่องบิน แต่เมื่อเกิดการดีดตัวจริงๆแล้ว พี่กูสก็ดันไปกระแทกกับคานูปี้ คอหักเลย (นี่เป็นเรื่องที่เกิดได้จริงๆ มีนักบินหลายคนเสียชีวิตเพราะคอหักเนื่องจากไปกระแทกกับคานูปี้ หลังๆจึงออกแบบเก้าอี้นักบินให้ใหญ่เลยหัวนักบินแล้วมีส่วนที่เป็นโลหะ เอาไว้กระทุ้งคานูปี้ให้แตกเพื่อนักบินจะได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น) 

พอคู่หูตายในขณะปฏิบัตหน้าที่พี่มาเราก็เริ่มเว่อเว้อเลย ถึงการสอบสวนจะออกมาว่าไม่ใช่ความผิดของพี่มาในอุบัติเหตุครั้งนั้น (เท่าที่ค้นๆดู เครื่องยนต์ของ F14 ก็มีปัญหาจริงๆ) แต่ก็ทำให้ความแว้นความห่ามของพระเอกหดหายไป โดยพระเอกไม่กล้าที่จะล็อคเป้าอันเป็นกิจกรรมโปรด รวมไปถึงยังฟาดหางใส่น้องชาร์ลี จนเธอโกรธหนีหายไป (จริงๆแล้วเธอทำเรื่องย้ายตัวเองก่อนหน้านี้แล้วมั้ง) แล้วยังไปพูดกับนางเอกชาร์ลีว่ายินดีที่ได้รู้จักอีกด้วย มันเหมือนกับไม่ใส่ใจในความสัมพันธ์ ความรัก ฯลฯ ของอีกฝ่ายเลย(ช่วงนี้อินมากซัดเบียร์เป็นปลากินน้ำเลยมันเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันของคนเขียนง่า กระซิกๆ) 

และในที่สุดก็เหมือนพระเอกจะตัดสินใจลาออก แต่คุณครูใหญ่ไวเปอร์ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยปลอบใจ แล้วเล่าเรื่องวีรกรรมของพ่อพี่มาให้ฟัง โดยพ่อพี่มาสละชีวิตเพื่อช่วยเพื่อนอีกสามลำเอาไว้ในสงคราม และลุงไวเปอร์ก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ทำให้พี่มาของเราเริ่มคิดได้

จนในที่สุดพี่มาเราก็เรียนจนจบหลักสูตรจนได้ แต่ตาไอซ์แมนได้เป็นที่หนึ่งของชั้นไ้ด้โล่ TOPGUN มาครอบครองสมใจนึกบางลำพู วันจบหลักสูตรก็มีคำสั่งด่วนให้เข้าร่วมปฏิบัติการลับ (หรือด่วนอะไรนี่แหละ จำไม่ได้แล้ว แอลกอฮอล์ขึ้นตา หุๆๆ) ได้แก่ ตาไอซ์นักเรียนอันดับหนึ่ง, ฮอลลีวู้ด (ใครอ่ะเหรอ เป็นนักบินร่วมชั้นอีกคนไง มีบทนิดหน่อย แต่ขี้เกียจพูดถึง) และแน่นอน พี่มาของเรานั่นเอง
รูปเท่ๆของ F14 อีกสักรูป หารูปในเรื่องไม่ค่อยเจอเลยครับ ส่วนใหญ่เป็นแต่รูปพี่ทอม  ครูซง่ะ

โดยผบ. (คนเดิมตอนต้นเรื่องนั่นแหละ) มอบหมายให้ตาไอซ์ กับฮอลลีวู้ดไปคุ้มกันทีมช่วยเหลือเรือของกองทัพเรือลำหนึ่ง และให้พี่มากับคนอื่นคอยสนับสนุน แต่ให้ตายเหอะ ไม่เห็นมีอะไรใหุ้คุ้มกันเลย ทั้งเรื่องผมเห็น USS Enterprise อยู่ลำเดียวจริงๆ 5555 

ขณะที่บินๆอยู่ ตาไอซ์กับฮอลลีวู้ดก็ปะเข้ากับมิค28 ฝูงใหญ่ (หลายลำมากมาย ผมจำไม่ได้แล้วว่ากี่ลำ เลาๆว่า 6 ลำ) แล้วฮอลลีวู้ดก็โดนสอยตกไป แต่ก็ยังดีดตัวหนีออกมาทันท่วงที พี่มาของเราเลยต้องออกโรง ช่วงนี้ไม่รู้บรรยายไง ก็เป็นฉาก Dogfight ภาษานักบินเขาเวลาเครื่องบินรบสู้กันพันตูบนฟ้าเขาเรียกกันแบบนี้ 

สุดท้ายก็อย่างที่เดากันได้ง่ายๆ พระเอกของเราก็ขี่ม้าขาว เอ้ย F14 ช่วยเหลือตาไอซ์แมนได้ สอยเครื่องมิคไปหลายลำ แล้วก็กลับเรืออย่างปลอดภัยท่ามกลางความยินดีปรีดาของบรรดาพลพรรค (อ้าว เฮ้ ไหนบอกว่าจะไปกู้เรือไง ลืมกันหมดซะงั้น 55555 ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้ว) และพี่มาก็ได้รับคำชมเชยตบด้วยโบนัสพิเศษให้เลือกได้ว่าจะไปปฏิบัติงานที่ไหน พี่แกเลือกเป็นครูฝึกที่ TOPGUN ครับ ผมล่ะงงเลยคือพี่มาแกยังหนุ่มยังแน่น น่าจะออกไปบินรบก่อน อายุมากเข้าค่อยกลับมาเป็นครูฝึก แต่ก็มีฉากหนึ่งที่พี่มาแกเอาป้ายชื่อ (ที่ทหารทุกคนสลักชื่อตัวเองแล้วห้อยคออ่ะครับ) ของพี่กูสขว้างลงทะเลไป คงจะสื่อถึงตัดใจได้แล้วประมาณนี้ แต่ผมว่ามันก็ไม่ค่อยอ่ะ มันงงๆ

ฉากจบก็พี่มาที่บาร์แห่งหนึ่ง หยอดตู้เพลงแล้วชาร์ลีก็โผล่กลับมา โอ้ววว อยากให้ชีวิตผมง่ายเหมือนอย่างงี้บ้าง เอาตังค์ไปหยอดตู้เพลงแล้วได้คนรักกลับคืนมา จะแลกแบงค์พันไปหยอดให้หมดเลยเศร้า

ช่วงบ่นไปเรื่อย

เรื่องนี้ถ้าใครพอมีความรู้เรื่องเครื่องบินจะจับผิดได้แยะมาก เริ่มเรื่องมาก็ฮาแล้ว คือเครื่องมิค28 เนี่ย เขาใช้ F5 มาติ๊ต่างถ่ายทำแทน (เท่าที่ทราบ มิค28 ไม่มีนะ เพราะเครื่องมิคเขาลงด้วยเลขคี่ 555) แต่ก็เข้าใจนะ เพราะจะไปหาเครื่องมิคจากไหนมา เพราะช่วงนั้นน่าจะอยู่ในยุคสงครามเย็นอยู่

การดำเนินเรื่องก็ไปเรื่อยๆ ตัดสลับกับความโชว์เท่ของเครื่องบินและพระเอก เนื้อหาก็พอเดาได้อยู่ นี่น่านับถือคือเรื่องนี้ CG น้อยมากหรือไม่มีเลย ใช้ความเท่จากของจริงล้วนๆ ซึ่งหาได้ค่อนข้างยากจากภาพยนต์ฮอลลีวู้ดสมัยนี้ ต้องจัด CG หนักๆไว้ก่อน

เพลงประกอบเพราะมาก ยิ่งได้ฟังตอนเครื่องออกบินแล้วมันเข้ากันจริงๆ โดยเฉพาะเพลง Take My Breath Away ได้ใจสุดๆ

ภรรยาของกูสในเรื่องนี้คือ เมค ไรอัน อ่ะมองแวบๆยังสงสัยว่าใช่หรือเปล่า พอเห็นจะๆโอ้ว ป้าเมคของเราเล่นเรื่องนี้ด้วยง่ะ เหมือนกันตาไอซ์แมน แสดงโดย วาลคิมเมอร์ หุๆๆๆ 

สุดท้่าย เราลองมาชมภาพปัจจุบันของ เคลลี่ หรือเจ้ชาร์ลีเราดีกว่า โอ้ววว อนิจจัง วัฒสังขาร จริงๆ
อนิจัง วัฒสังขารา 55555
เพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่ออรรถรสในการชม

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการบิน และเครื่องบินรบ ถ้าจะดูแค่เอามันส์เอาเท่ก็ไม่เท่าไร แต่ถ้าอยากรู้เรื่องผมก็พอมีความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับภาพยนต์เรื่องนี้มานำเสนอ แต่คงไม่ละเอียดยิบ ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ผมแนะนำวิกิพีเดียเลยครับ ละเอียดยิบจนเลือดซิบเลย หุๆๆๆ

เครื่องบินรบหลักในเรื่องก็คือ F-14 Tomcat ไอ้ชื่อ Tomcat เป็นชื่อรุ่นเหมือน F-18 Hornet, F-22 Raptor อะไรกำเทือกนี้ F-14 นี่ออกแบบเื่พื่อเป็นเครื่องบินขับไล่ (ก็คือเครื่องบินรบที่ใช้ฟัดกับเครื่องบินรบด้วยกันนั่นแหละครับ) ความพิเศษของเครื่องรุ่นนี้คือใช้ระยะทางในการเทคออฟสั้น เพื่อให้บินขึ้นลงได้จากเรือบรรทุกเครื่องบิน

เครื่อง F-14 นี้สามารถบินได้ด้วยความเร็วเหนือเสียง ที่พิเศษสุดและผมชอบมากๆสำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ก็คือปีกที่สามารถกางออก (จากรูปด้านซ้ายจะเห็นว่ากางปีกเหมือนเครื่องบินปกติ) และหุบแนบลำตัวได้ (ดูจากรูปด้านขวา) อ้าว แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ คือแบบกางปีกเนี่ยจะทำให้บินผลาดแผลงได้ง่าย เหมาะสำหรับบินในย่านความเร็วต่ำกว่าเสียง ใช้ตอนฟัด Dogfight กับเครื่องบินฝ่ายตรงข้าม แปลไทยเป็นไทยง่ายๆว่ากางปีกตอนบินช้า ซัดกับข้าศึก เพราะมันแว้นง่ายนั่นเอง
เปรียบเทียบกัน ระหว่ากางปีก กับ หุบปีก ของ F-14 Tomcat 

ส่วนตอนหุบปีกเพื่อประโยชน์ทางอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) คือเครื่อบินจะรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม (ภาษาทางวิศวกรรมเรียก Delta wing) ซึ่งเหมาะสมในการลดแรงต้าน (Drag) เวลาบินเหนือเสียง รายละเอียดเรื่องนี้มันแยะมากไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับ กำแพงเสียง แรงต้านหลากชนิด มุมปะทะ ฯลฯ มันวิชาการเกินไปคงไม่มีใครอยากรู้ (ขนาดตอนเรียนผมยังมึนเลย และก็เลยเอาความรู้ใส่โอ่งหินฝังดินคืนอาจารย์ไปเรียบโร้ย 555) แปลไทยเป็นไทยง่ายๆ หุบปีกเพื่อเตรียมตัวซิ่งนั่นเอง ส่วนเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์อะไร ไปดูในวิกิจะละเอียดกว่า ผมไม่ขอกล่าวตอนนี้ เพราะเอนทรี่นี้พูดเรื่องหนัง ไม่ได้พูดเรื่องเครื่องบินรบ 555555

เรื่องต่อไปก็คือเครื่องมิค28 ในหนังใช้เครื่อง F5 Phantoms ติ๊งต่างตามที่บอก คราวนี้เครื่องมิค28 เนี่ยมีจริงไหม เท่าที่ทราบ (ถ้าผิดพลาดขออภัย) คือเครื่องบินขับไล่มิคเนี่ยนะครับ จะเป็นเลขคี่ เช่น มิค 19 มิค 21 มิค 29 ผมเดาๆเอาว่าใช้ชื่อมิค 28 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งลิขสิทธิ์แล้วก็การเมือง

เสริมนิดหน่อย เครื่องบินF-14 นี่เป็นต้นแบบในการ์ตูนเรื่องมาครอสด้วยนะเอ้อ ตอนเด็กๆชอบมากที่เครื่องบินแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ด้วย
Macross ที่ว่า ทั้งแบบเป็นหุ่นและแปลงเป็นกึ่งหุ่น แล้วก็เป็นเครื่องบิน
สรุป

เช่นเคยครับ สำหรับผมหนังเรื่องนี้ผมว่า "สนุก" ที่สนุกเพราะเครื่องบินมันเท่ ฉากต่อสู้กลางอากาศถึงไม่สมจริงในแง่ของเครื่องบินและตรรกะบางอย่าง แต่มันก็เป็นหนังอย่าไปคิดมากน่า และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องคลาสสิคสำหรับหนังเกี่ยวกับเครื่องบินรบเรื่องหนึ่ง ถ้าไปถามใครๆว่าถ้าพูดถึงหนังที่เกี่ยวกับเครื่องบินรบ คุณจะนึกถึงเรื่องไหนผมว่าเกินครึ่งตอบว่า TOPGUN แน่นอน 

แต่ถ้าถามผมว่าดูซ้ำบ่อยๆโอไหม ผมว่าหนังเรื่องนี้ไม่ถึงขนาดนั้น ดูรอบเดียวแล้วอีกนานถึงอยากกลับมาดูอีกครั้งหนึ่ง 

เรื่องนี้ต้องแก้ไขหลายครั้งนิดหน่อย เพราะตอนเขียน โผมมาววว 5555 แต่ต้องรีบเขียนเพราะกลัวลืมเรื่อง แล้วค่อยๆเพิ่มเติมแทรกโน่นนิดนี่หน่อยตามเรื่อง ต้องขออภัยในความเวิ่นเว้อ

Credit
ภาพประกอบจาก internet

en.wikipedia.org/wiki/Grumman_F-14_Tomcat

en.wikipedia.org/wiki/Top_Gun
http://ghostlightning.wordpress.com/2009/05/31/mac2/ สำหรับรูปมาครอสครับ